โรงพยาบาลแข่งแย่งลูกค้าโควิด โฟกัสโปรแกรมตรวจ-ลดเสี่ยง

ถึงวันนี้คงไม่มีใครปฏิเสธว่า คนไทยจำนวนไม่น้อยที่ตกอยู่ในอาการหายใจเข้า-หายใจออก เป็น “โควิด-19”

ยิ่งไปกว่านั้น ความตื่นตระหนก ความกลัว ความกังวลที่เกิดขึ้น ยังทำให้ใครหลาย ๆ คนก็ไม่อยากไปในสถานที่ที่สุ่มเสี่ยง และมีโอกาสจะสัมผัสโรคสูง โดยเฉพาะโรงพยาบาล

แต่ในวิกฤตย่อมมีโอกาสเสมอ ล่าสุดโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งมีความเคลื่อนไหวในการออกบริการใหม่

โดยเฉพาะแพ็กเกจตรวจไวรัสโควิด-19, บริการการแพทย์ทางไกล (telemedicine) รวมถึงส่วนลดค่ารักษา-ค่าห้อง เพื่อรองรับดีมานด์จากผู้บริโภค หวังช่วงชิงความได้เปรียบจากโอกาสที่เกิดขึ้น และจูงใจผู้บริโภคให้มาใช้บริการ

โดยเฉพาะบริการตรวจไวรัสโควิด-19 ด้วยรูปแบบการบริการ “ไดรฟ์ทรู” ที่โรงพยาบาลหลาย ๆ แห่งนำมาใช้ นอกจากจะสร้างสีสันให้กับวงการแล้ว บริษัทนี้ยังได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ด้วยจุดเด่นในเรื่องของความสะดวกรวดเร็ว และปลอดภัย เพียงขับรถยนต์ผ่านเข้าไปที่จุดตรวจ และรับการตรวจโดยไม่ต้องลงจากรถ ไม่ต้องพบปะผู้ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 และรอรับผลตรวจทางเอสเอ็มเอส, อีเมล์ หรือโทรศัพท์อีก 1-2 วัน โดยอัตราค่าบริการอยู่ที่ประมาณ 5,500-6,500 บาท

ทั้งนี้ เพื่อช่วยให้ผู้ตรวจได้ทราบสถานะของตัวเองว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือไม่ และจะได้ปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสมในการป้องกันการแพร่เชื้อและดูแลรักษาตัวเอง

นายแพทย์ศิริพงษ์ เหลืองวารินกุล รองกรรมการผู้จัดการ โรงพยาบาลรามคำแหง เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า รพ.รามคำแหงคิดโมเดลนี้ขึ้นมา และนำไปใช้กับ รพ.ในเครือข่ายด้วย เช่น รพ.วิภาวดี รพ.สินแพทย์ ซึ่งบริการตรวจไวรัสโควิด-19 ด้วยระบบไดรฟ์ทรูนี้ ได้รับความสนใจมาก ในแต่ละวันมีผู้มาใช้บริการประมาณ 350-400 เคส และตอนนี้ (26 มีนาคม) โรงพยาบาลต้องหยุดให้บริการชั่วคราว เพราะน้ำยาตรวจหมด ตอนนี้อยู่ระหว่างสั่งและรอน้ำยาจากสิงคโปร์ ที่สั่งเข้ามา 30,000 ชุด ซึ่งคงต้องรออีกสัก 7-10 วัน กว่าน้ำยาจะมาถึง

“ข้อดีของบริการแบบไดรฟ์ทรู เป็นการลดการแพร่กระจายเชื้อ เพราะผู้รับการตรวจไม่ต้องไปปะปนกับคนไข้คนอื่น ๆ และผู้ที่มาใช้บริการในโรงพยาบาลตามปกติจะมีความสบายใจ” นายแพทย์ศิริพงษ์ย้ำ

เช่นเดียวกับแหล่งข่าวจากโรงพยาบาลวิภาวดีที่กล่าวไปในทิศทางเดียวกันว่า บริการไดรฟ์ทรูสำหรับตรวจไวรัสโควิดได้รับการตอบรับค่อนข้างดี แต่ละวันมีผู้มาใช้บริการประมาณ 50-70 ราย และจะทราบผลแล็บภายใน 1-2 วัน

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายแห่งที่ทยอยเปิดบริการนี้มารองรับดีมานด์ที่ยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น รพ.เวิลด์เมดิคอล (ในเครือบางกอกเชนฯ) หรือล่าสุด รพ.เอกชัยก็เปิดบริการ ไดรฟ์ทรู&ดีลิเวอรี่

นอกจากจะตรวจคัดกรองไวรัสโดยไม่ต้องลงจากรถแล้ว ยังมีบริการรับตรวจคัดกรองที่บ้านด้วย โดยที่ผู้ใช้บริการไม่ต้องเดินทางไปรับการตรวจที่โรงพยาบาล

นอกจากบริการไดรฟ์ทรูดังกล่าว ล่าสุด รพ.สมิติเวชยังมีบริการใหม่ เป็นบริการแบบฟาสต์แทร็กสำหรับคนไข้ที่มีความกังวลว่า ติดโควิด-19 หรือไม่

โดยเปิดให้แอดไลน์ @ Samitivet และปรึกษาแพทย์ผ่านไลน์ และพบพยาบาลคัดกรองเบื้องต้น โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และในกรณีที่พบความเสี่ยงก็จะนัดตรวจตามวันเวลาที่นัดหมาย และเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งโดยไม่ต้องลงจากรถ และฟังผลทางออนไลน์ใน 24 ชั่วโมง จากเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ที่สมิติเวชได้ออกโปรแกรมติดตามอาการหลังการตรวจไวรัสโคโรน่า เพื่อจับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เป็นผู้ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากพื้นที่เสี่ยง เป็นแพ็กเกจวิดีโอคอลกับแพทย์

เช่นเดียวกับ รพ.กรุงเทพ ที่คลอดโปรแกรมคัดกรองโควิด-19 (screening test) ในราคา 25,000 บาท ซึ่งสามารถรู้ผลใน 2 วัน แล้วยังลอนช์แพ็กเกจ “ไทยช่วยไทย สู้ภัย COVID-19” ให้ส่วนลด 50% สำหรับค่าห้องพักผู้ป่วยใน หออภิบาลผู้ป่วยกึ่งวิกฤต และหออภิบาลผู้ป่วยวิกฤต และส่วนลด 30% สำหรับการตรวจด้วยเครื่องมือพิเศษ ได้แก่ X-ray, MRI, CT, echocardiogram (Echo) และ exercise stress test (EST) เป็นต้น จำกัดเฉพาะชาวไทยและชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในเมืองไทยไปในทิศทางเดียวกับ รพ.วิภาวดี ที่ประกาศลดราคาโปรแกรมตรวจสุขภาพ 20% จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2563 ทำให้ราคาค่าบริการโปรแกรมตรวจสุขภาพอยู่ที่ 1,920-15,200 บาท

ส่วน รพ.บำรุงราษฎร์ก็มีแพ็กเกจตรวจคัดกรองโรคโควิด-19 พร้อมชูจุดขายด้านความแม่นยำ และเน้นการขายบริการผ่านเว็บไซต์ของโรงพยาบาล ในราคาเบาะ ๆ 10,500 บาท ทราบผลใน 3 วัน นอกจากนี้ยังมีแคมเปญ “Fighting As One” ขายโปรแกรมตรวจสุขภาพราคาพิเศษ พร้อมแถมโปรแกรมการให้วิตามิน และโปรแกรมเสริมภูมิต้านทานและกระตุ้นการสร้างสารต้านอนุมูลอิสระด้วยโอโซนบำบัด ในราคาลด 40% เมื่อซื้อโปรแกรมตรวจสุขภาพภายในวันที่ 31 มีนาคม 2563

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความเคลื่อนไหวของโรงพยาบาลเอกชนที่แต่ละรายพยายามตอบโจทย์ความกังวลและอำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภคในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 ยังแพร่ระบาดอย่างหนัก ไปพร้อมกับชิงความได้เปรียบทางธุรกิจกับบรรดาคู่แข่ง จากนี้ไปน่าจะมีแพ็กเกจ หรือบริการใหม่ ๆ ทยอยตามออกมาอีก