“นีโอฯ”แตกไลน์รุกเจลฆ่าเชื้อ เพิ่มช่องทางขายรับดีมานด์โต

รับดีมานด์พุ่ง - นีโอฯ เดินหน้าเพิ่มไลน์ผลิตสินค้าทำความสะอาดโฟกัสแบรนด์โทมิ-ดีนี่-บีไนซ์ ชูจุดขายสูตรแอลกอฮอล์ รับดีมานด์ช่วแพร่ระบาดของไวรัส

“นีโอ คอร์ปอเรท” จัดทัพรับมือโควิด-19 ตั้งทีมเฉพาะกิจเพิ่มมาตรการความปลอดภัยคลังสินค้า ก่อนปรับแผนเพิ่มไลน์ผลิตสินค้าทำความสะอาดโฟกัสแบรนด์ โทมิ-ดีนี่-บีไนซ์ ชูจุดขายสูตรแอลกอฮอล์ช่วยลดเชื้อโรค 99% พร้อมกระจายช่องทางขายโมเดิร์นเทรด/เทรดิชั่นนอลเทรด ก่อนจับมือแพลตฟอร์มเจดี เซ็นทรัล ลาซาด้า ช้อปปี้ ลุยขายดีลิเวอรี่ตอบโจทย์ลูกค้า สิ้นปีตั้งเป้าเติบโตกว่า 10%

นายสุทธิเดช ถกลศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภค อาทิ น้ำยารีดผ้าเรียบ-ปรับผ้านุ่มไฟน์ไลน์, ผลิตภัณฑ์แม่และเด็กดีนี่, ครีมอาบน้ำบีไนซ์, ผลิตภัณฑ์ส่วนบุคคลผู้ชายทรอส, ผลิตภัณฑ์โรลออนและสเปรย์วีไวต์ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ที่ผ่านมาบริษัทได้ปรับแผนการดำเนินงานในส่วนของโรงงาน ด้วยการตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจ เพื่อร่วมกันวางแผนหาแนวทางป้องกันความเสี่ยงในส่วนของโรงงาน และเพิ่มมาตรการควบคุมผลิตภัณฑ์ทุกกลุ่มไม่ให้มีสารปนเปื้อนของเชื้อไวรัส เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค เริ่มจากการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อในกระบวนการผลิต ทั้งก่อนและหลังการห่อพลาสติกสินค้าบนพาลเลต ก่อนนำเข้าไปเก็บในโกดังสินค้า และการขนส่งเพื่อกระจายสินค้าทั่วประเทศ

นอกจากนี้ บริษัทยังได้ปรับยุทธศาสตร์การดำเนินงาน โดยจากนี้ไปจะมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เน้นโฟกัสผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเป็นหลัก พร้อมเพิ่มไลน์ผลิตและเครื่องจักรเพื่อให้สามารถผลิตสินค้าออกมารองรับดีมานด์ที่เพิ่มขึ้น เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ปัจจุบันหันมาให้ความสนใจผลิตภัณฑ์ที่สามารถทำความสะอาดและกำจัดเชื้อโรคได้มากขึ้น จึงมีแผนจะนำแอลกอฮอล์สำหรับใช้ผลิตสินค้ามาผลิตเป็นเจลและสเปรย์แอลกอฮอล์ล้างมือ โดยจะเริ่มจากสินค้าภายใต้แบรนด์บีไนซ์และดีนี่ ซึ่งปัจจุบันแบรนด์ไฟน์ไลน์, ดีนี่, บีไนซ์ มีสัดส่วนรายได้รวมประมาณ 70% ของยอดขายทั้งหมด จากเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา บริษัทได้ส่งผลิตภัณฑ์น้ำยาทำความสะอาดพื้น “โทมิ” ที่มีจุดเด่นในเรื่องของนวัตกรรมสูตรที่มีสารอัลคิลไดเมทิลเบนซิลแอมโมเนียมคลอไรด์ มีสารฆ่าเชื้อโควิด-19 เข้ามาทำตลาดและมียอดขายเติบโตต่อเนื่อง

นายสุทธิเดชกล่าวต่อไปว่า เมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา บริษัทได้พัฒนาโปรดักต์ใหม่ “บีไนซ์ เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ” ด้วยการนำแอลกอฮอล์มากกว่า 75% มาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ล้างมือแบบไม่ต้องใช้น้ำ และสามารถช่วยลดปริมาณเชื้อโรคได้ 99% โดยมีขนาด 50 มล. ราคา 55 บาท วางขายในโฮมโปรและแม็คโครทุกสาขา ล่าสุด และเตรียมจะลอนช์สินค้าขนาด 93 มล. ราคา 89 บาท จะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 25 เมษายน ผ่านช่องทางร้านค้าออนไลน์ เช่น เจดี เซ็นทรัล ลาซาด้า ช้อปปี้ และคอนวี่ เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคทุกกลุ่มเป้าหมาย

พร้อมกันนี้ ยังมีแผนจะผลักดันสินค้าครีมอาบน้ำสูตรแอนตี้แบคทีเรีย ตามด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ซักผ้าไฟน์ไลน์ สูตรแอนตี้แบคทีเรียและสูตรสำหรับซักชุดชั้นใน ที่มีประสิทธิภาพในการช่วยลดกลิ่นอับ แม้จะตากผ้าในพื้นที่จำกัด ส่วนแบรนด์ดีนี่ หลังจากปีที่ผ่านมาได้ลอนช์ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเด็กสูตรแอนตี้แบคทีเรีย ผลิตภัณฑ์เบบี้ไวพส์ ล่าสุดได้ลอนช์ผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ล้างมือแบบไม่ต้องใช้น้ำสูตรออร์แกนิก ช่วยลดการสะสมของเชื้อโรค

“ปีนี้เราจะมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยการที่จะออกสินค้าใหม่ ๆ ได้ จะต้องมาจากการทำวิจัยศึกษาตลาดกับคอนซูเมอร์ เพื่อนำข้อมูลความต้องการของผู้บริโภคมาพัฒนาสินค้าได้อย่างตรงจุด แต่ละปีต้องทำการวิจัยมากกว่า 200 งานวิจัย เพื่อสำรวจเทรนด์การตลาดใหม่ เพราะปัจจุบันพฤติกรรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน ก็จะมีการเพิ่มนวัตกรรมเข้าไปในสินค้าเพื่อให้เป็นสูตรเฉพาะของบริษัท”

นายสุทธิเดชกล่าวด้วยว่า จากนี้ไปบริษัทยังจะให้ความสำคัญในเรื่องของการเพิ่มช่องทางจำหน่ายมากขึ้น นอกจากช่องทางจำหน่ายทั้งโมเดิร์นเทรดและเทรดิชั่นนอลเทรดแล้ว บริษัทก็จะให้ความสำคัญกับการสื่อสารและการทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ ณ จุดขาย รวมถึงการใช้พรีเซ็นเตอร์ เพื่อสร้างการรับรู้ไปถึงผู้บริโภค เช่น ล่าสุด น้ำยาทำความสะอาดพื้นโทมิ ก็ใช้เนย โชติกา เป็นพรีเซ็นเตอร์ พร้อมขยายช่องทางขายออนไลน์มากขึ้น ทั้งเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซต่าง ๆ อาทิ ลาซาด้า และช้อปปี้ รวมถึงไลน์แอดของผลิตภัณฑ์ เพื่อสอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวก โดยสำหรับปีนี้ บริษัทตั้งเป้าเติบโตกว่า 10% จากปีที่ผ่านมาบริษัททำรายได้เติบโตกว่า 16% โดยเป็นรายได้จากกลุ่มครัวเรือน 60% และกลุ่มของใช้ส่วนตัว 40%