ปิดห้าง “อุปกรณ์ออกกำลัง” วุ่น “เจสัน” ดึงลูกค้าช็อปออนไลน์

ปรับแผน - เจสันผันงบการเงินที่เดิมจะใช้สำหรับออฟไลน์ เพื่อรับมือกับไวรัส และการทำโปรโมชั่น โปรโมตช่องทางออนไลน์มากขึ้น

“เจสัน” มุ่งอีคอมเมิร์ซเต็มสูบ โยกงบฯหนุนออนไลน์ ระดมการตลาดดึงลูกค้าเข้าแพลตฟอร์มออฟฟิเชียลลดผลกระทบหลังโมเดิร์นเทรดถูกปิด พร้อมชูสินค้านวัตกรรม-อุปกรณ์ป้องกันการบาดเจ็บ รับมือการแข่งขัน-ชิงดีมานด์ ปรับลดป้า 10-15%

นายชลธิศ จิระพันธุ์ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์เจสัน บริษัท คิวรอน จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ออกกำลังแบรนด์เจสัน เปิดเผยถึงสถานการณ์ปัจจุบัน และการปรับตัวของบริษัทหลังจากนี้กับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปัจจุบันสินค้ากลุ่มอุปกรณ์ออกกำลังชิ้นเล็ก อาทิ ถุงมือ เชือกกระโดด ลูกบอล ฯลฯ ที่มีสัดส่วนประมาณ 15% ของตลาดสินค้ากีฬามีความเปลี่ยนแปลงหลายด้านในช่วงที่ผ่านมา โดยอีคอมเมิร์ซทวีความสำคัญมากขึ้นหลังช่องทางหลักอย่างโมเดิร์นเทรดถูกปิด

เช่นเดียวกับดีมานด์สินค้าเปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน โดยอุปกรณ์พื้นฐานอย่างเสื่อโยคะ เชือกกระโดด ลูกบอลพิลาทีส ฯลฯ มีความต้องการสูงขึ้น สวนทางกับอุปกรณ์ที่ใช้ในฟิตเนสอย่างถุงมือ เนื่องจากผู้บริโภคต้องออกกำลังกายที่บ้าน สอดคล้องกับยอดขายของบริษัทที่อีคอมเมิร์ซเติบโตถึง 3 เท่า ด้วยยอดซื้อ 600-1,000 บาทต่อใบเสร็จ ขณะที่โมเดิร์นเทรดหดตัวจนเกือบเหลือ 0

อย่างไรก็ตาม แม้ออนไลน์จะมีแนวโน้มเติบโต แต่ผู้ประกอบการยังต้องทำงานกันอย่างหนักเพราะตลาดมีการแข่งขันสูงทั้งบนออนไลน์และออฟไลน์ ทั้งแบรนด์เนม เฮาส์แบรนด์ และน็อนแบรนด์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น เชือกกระโดดปัจจุบันมีผู้ค้าแข่งกันมากกว่า 100 ราย ทำให้ปัจจัยการแข่งขันหลักจะเน้นเรื่องดีไซน์ ราคา

นอกจากนี้ หากการปิดโมเดิร์นเทรดยืดยาวออกไป มีแนวโน้มที่ตลาดอาจไม่เติบโต เนื่องจากที่ผ่านมายอดขายจากโมเดิร์นเทรดมีสัดส่วนถึง 60% และกำลังซื้ออาจลดลงมากจนเกิดการชะลอซื้อสินค้า

สำหรับบริษัทเร่งปรับตัวรับมือทั้งความท้าทายจากไวรัสและการแข่งขัน โดยในระยะสั้นนี้ผันงบฯทั้งหมดที่เดิมจะใช้สำหรับออฟไลน์ อย่างการปรับปรุงเชลฟ์มาใช้ในแผนนี้ก่อน และสำรองอีกส่วนไว้ใช้หลังวิกฤต รวมถึงมุ่งขายผ่านออนไลน์ โดยเฉพาะช่องทางออฟฟิเชียลของบริษัทเอง ซึ่งมีข้อได้เปรียบมากกว่าการขายผ่านมาร์เก็ตเพลซหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการรับมือความท้าทายด้านจำนวนคู่แข่ง อีกทั้งการไม่ต้องสำรองค่าจีพีทำให้รับรู้รายได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย รวมถึงสามารถทุ่มเม็ดเงินกับโปรโมชั่นได้เต็มที่อีกด้วยอาศัยปรับรูปแบบการทำตลาดออนไลน์ใหม่เพื่อดึงผู้บริโภคให้เข้ามาช็อปที่เว็บ ด้วยการเน้นสร้างคอนเทนต์แนวให้ความรู้เกี่ยวกับการออกกำลัง และการใช้อุปกรณ์เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้แบรนด์ พร้อมกระตุ้นให้เกิดการติดตาม และแชร์ต่อ ๆ กัน จากนั้นจึงเสนอโปรโมชั่นสำหรับเว็บออฟฟิเชียลให้แต่ละราย

ทั้งนี้ ยังเดินหน้าเปิดแอ็กเคานต์ในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอื่น ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นลาซาด้า ช้อปปี้ ฯลฯ เพื่อเพิ่มโอกาสขายและสร้างการรับรู้แบรนด์ให้มากที่สุด

ด้านสินค้านั้นมีการปรับตัวโดยหันมานำเสนออุปกรณ์ลดการบาดเจ็บซึ่งมีดีมานด์ทั้งจากกลุ่มนักวิ่งที่กำลังมาแรง และบรรดาพนักงานออฟฟิศที่ต้องเผชิญกับอาการ (โฮม) ออฟฟิศซินโดรมเมื่อต้องทำงานที่บ้านด้วยโต๊ะ-เก้าอี้ที่อาจไม่เหมาะสม ส่วนระยะยาวเร่งเพิ่มจุดขายด้านนวัตกรรมที่ตอบโจทย์การใช้งานเพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง รวมถึงเลี่ยงการแข่งขันราคา

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้เลื่อนการเปิดตัวสินค้าใหม่ของปีนี้ซึ่งมีไฮไลต์เป็นถุงมือฟิตเนส พร้อมจุดขายด้านนวัตกรรมซึ่งบริษัทมีเพียงรายเดียวในตลาดออกไปเป็นช่วงไตรมาส 3 แทน เพื่อให้รับกับความพร้อมของตลาดและผู้บริโภค


ทั้งนี้ บริษัทยังปรับเป้ารายได้ของปีนี้ที่เดิมวางไว้ 80-100 ล้านบาท เติบโต 12-20% จากปี 2562 ลง 10-15% ไว้ก่อนให้สอดคล้องกับสภาพตลาดช่วงเดือนเมษายน โดยอาจมีการปรับเพิ่ม-ลดอีกครั้งหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป