“เซกาเฟรโด” ปรับโมเดลธุรกิจสปีดสาขา

เซกาเฟรโดรุกตลาดครั้งใหม่ ปรับโมเดลร้านเน้นสแตนด์อะโลนไม่พ่วงซูเปอร์มาร์เก็ต เพิ่มความคล่องตัวในการขยายสาขา พร้อมโฟกัสสร้างแบรนด์เร่งขยายฐานกลุ่มคนทำงาน-นักท่องเที่ยว จับมือพาร์ตเนอร์จัดโคโปรโมชั่นเข้าถึงลูกค้าใหม่ ดันยอดขายโตอย่างน้อย 20%

นางสาวภัทรพร เพ็ญประพัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการตลาดและประชาสัมพันธ์ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ผู้บริหารร้านกาแฟพรีเมี่ยม “เซกาเฟรโด” จากอิตาลี กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เซกาเฟรโดมีแผนขยายธุรกิจเชิงรุกเพื่อเข้าถึงลูกค้าทั้งในกรุงเทพฯและหัวเมืองใหญ่มากขึ้น ด้วยการขยายสาขาสแตนด์อะโลนทั้งในและนอกศูนย์การค้า โดยไม่จำเป็นต้องรอขยายไปพร้อมกับซูเปอร์มาร์เก็ต “ท็อปส์” เหมือน ๆ ที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการขยายสาขาได้เร็วขึ้นโดยตั้งแต่ปีที่ผ่านมาได้เริ่มเปิดร้านคีออสก์ตามออฟฟิศบิลดิ้ง รวมทั้งเปิดร้านกาแฟแบบเต็มรูปแบบพลาซ่าของห้าง ปัจจุบันมีร้านโมเดลสแตนด์อะโลน 9 สาขา จากร้านทั้งหมด 22 สาขาที่ส่วนใหญ่ยังคงเปิดคู่กับซูเปอร์มาร์เก็ต โดยครึ่งปีหลังนี้จะเปิดสาขาเพิ่มอีก 9 สาขา ทั้งที่เป็นคีออสก์ ร้านสแตนด์อะโลน และร้านในซูเปอร์มาร์เก็ต ควบคู่กับการรีโนเวตสาขาเดิมบางสาขาให้ทันสมัยขึ้น

“ตอนซื้อไลเซนส์เซกาเฟรโดเข้ามา เราตั้งใจขยายพร้อมกับซูเปอร์มาร์เก็ต แต่ตอนนี้เห็นโอกาสว่าเซกาเฟรโดสามารถขยายตัวเร็วกว่าซูเปอร์มาร์เก็ตและเติบโตได้มากตามความนิยมดื่มกาแฟของผู้บริโภคคนไทย ปีนี้จึงจะเปิดร้านใหม่ ๆ มากขึ้น”

พร้อมกันนี้จะเดินหน้าสร้างแบรนด์ให้แข็งแรงยิ่งขึ้น รวมถึงการขยายฐานกลุ่มไปยังคนทำงาน นักท่องเที่ยว ด้วยการนำฐานข้อมูลที่ได้ทั้งจากบัตรเดอะวันการ์ด ข้อมูลจากการทำโฟกัสกรุ๊ป การทำวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมผู้บริโภคมาใช้ในการวางแผนการตลาดให้ตรงกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น โดยรูปแบบของกิจกรรมจะเข้าไปอยู่ในไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคมากขึ้น รวมทั้งการทำโคโปรโมชั่นร่วมกับบัตรเดอะวันการ์ด หรือพาร์ตเนอร์อื่น ๆ เช่น ให้ส่วนลดพิเศษหรือสามารถนำคะแนนมาแลกรับเครื่องดื่มได้ รวมทั้งทำโปรโมชั่นพิเศษเป็นระยะ ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสการทดลองของลูกค้าใหม่ ส่วนกลุ่มลูกค้าประจำ ได้ทำกิฟต์การ์ด บัตรเงินสด เพื่อกระตุ้นการใช้บริการต่อเนื่องผ่านสิทธิพิเศษต่าง ๆ ด้วย

“ตอนนี้ทุกค่ายเน้นเรื่องโปรโมชั่น ดังนั้น หลังจากดึงให้ลูกค้าใหม่ได้เข้ามาทดลองแล้ว สุดท้ายก็ต้องแข่งกันด้วยตัวสินค้า นอกจากกาแฟเอสเพรสโซ่หรือกลุ่มกาแฟร้อนต่าง ๆ ที่เป็นจุดเด่นของร้าน เซกาเฟรโดจึงจะมีเครื่องดื่มใหม่-เมนูใหม่ตามเทศกาลออกมาทุก 2 เดือน เพิ่มความหลากหลายของกลุ่มเครื่องดื่มเย็น”

สำหรับปีนี้ คาดว่าเซกาเฟรโดจะเติบโตได้อย่างน้อย 20% จากปีก่อน 15% จากการขยายสาขาเชิงรุกมากขึ้น รวมทั้งการกลับมาทำกิจกรรมการตลาดอย่างจริงจัง โดยกลุ่มลูกค้าของเซกาเฟรโดเป็นกลุ่มคนทำงานที่ค่อนข้างมีกำลังซื้อ จึงไม่ได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวมากนัก