“โควิด” ทุบไทยเบฟฯ ร่วง 12% เหล้า-เบียร์กระอักปิดผับบาร์

แฟ้มภาพ

“โควิด” ทุบรายได้ “ไทยเบฟ” ไตรมาส 2 วูบ 12.3% หลังยอดขาย “เหล้า-เบียร์-ซาเบโก” เจอเอฟเฟ็กต์หนักจากมาตรการปิดผับบาร์ก่อนปรับโครงสร้างธุรกิจเบียร์รอบใหม่ รวบ 15 บริษัท โอเปอเรต ภายใต้ “ช้าง เบียร์ จำกัด” หวังเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน-เสริมแกร่งมูลค่าในตลาดทุน พร้อมนับรายได้ “น้ำดื่ม-โซดา” ช้างรวมกับพอร์ตเบียร์ก่อนจับตาสถานการณ์โควิดอย่างใกล้ชิด

บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ได้แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 2 (1 ม.ค.-31 มี.ค. 63) ต่อตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ว่า สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ทำให้หลายประเทศทั่วโลกต้องออกมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด ซึ่งมีผลกระทบอย่างมากต่อการดำเนินชีวิตของผู้คน รวมถึงกระบวนการผลิต และระบบซัพพลายเชนของสินค้าต่าง ๆ และที่สำคัญที่สุดผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการดำเนินงานของไทยเบฟกรุ๊ป อย่างไรก็ตาม ทีมบริหารยังคงมอนิเตอร์กับสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด ทั้งด้านของความปลอดภัยบุคลากร และการปรับเปลี่ยนการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

โดยรายได้รวมในไตรมาส 2 ที่ผ่านมาของบริษัทอยู่ที่ 61,411 ล้านบาท ลดลง 12.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 69,992 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 5,576 ล้านบาท ลดลง 17.5%

แบ่งเป็นธุรกิจเหล้า มีรายได้ที่ 29,841 ล้านบาท ลดลง 3.9% ธุรกิจเบียร์ 23,653 ล้านบาท ลดลง 23.5% เครื่องดื่มน็อนแอลกอฮอล์ 4,476 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.1% ธุรกิจอาหาร 3,477 ล้านบาท ลดลง 8.0%

อย่างไรก็ตาม หากเป็นรายได้รวมในช่วงครึ่งปีแรก (1 ต.ค. 62-31 มี.ค. 63) จะอยู่ที่ 137,092 ล้านบาท ลดลง 3.9% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีรายได้อยู่ที่ 142,619 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 14,789 ล้านบาท เติบโต 3.9%

โดยธุรกิจเหล้าในช่วงครึ่งปีแรกมีรายได้ที่ 64,262 ล้านบาท เติบโต 2.5% ธุรกิจเบียร์ 56,875 ล้านบาท ลดลง 11.2% เครื่องดื่มน็อนแอลกอฮอล์ 8,690 ล้านบาท เติบโต 4.9% ธุรกิจอาหาร 7,351 ล้านบาท ลดลง 3.2%

ขณะที่ธุรกิจในต่างประเทศช่วงครึ่งปีแรกมีรายได้อยู่ที่ 3.08 หมื่นล้านบาท ลดลง 24% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากยอดขายที่ลดลงทั้งในสินค้ากลุ่มเหล้าและเบียร์ โดยเหล้าลดลง 6% จากรายได้ของแกรนด์ รอยัล กรุ๊ปที่ลดลง ส่วนเบียร์ลดลง 28% จากรายได้ของซาเบโกที่ลดลง และการชะลอตัวของผลการดำเนินงานในตลาดอาเซียนบางประเทศ

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานเพิ่มเติมว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ภาครัฐของไทยตลอดจนเวียดนามที่เป็นหนึ่งในตลาดสำคัญของไทยเบฟต้องออกมาตรการที่เข้มข้นเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดไม่ให้ลุกลาม ซึ่งมีทั้งมาตรการล็อกดาวน์ในไทยที่สั่งปิดสถานบันเทิงผับบาร์เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา ส่วนที่เวียดนามเองก็มีมาตรการปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ฯลฯ ตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมาด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2563 เวียดนามยังเพิ่มโทษปรับสำหรับการเมาแล้วขับ ซึ่งค่าปรับสูงสุดอยู่ที่ราว 40 ล้านดอง หรือประมาณ 5 หมื่นบาท และต้องถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ 22-24 เดือน ทำให้ตลาดเบียร์ในเวียดนามรวมถึงยอดขายของซาเบโกได้รับผลกระทบตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาแล้ว

นอกจากนี้ ไทยเบฟยังได้ชี้แจงอีกว่า ในเดือนมีนาคมบริษัทได้ปรับโครงสร้างการบริหารภายในองค์กรของกลุ่มธุรกิจเบียร์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความโปร่งใสในการดำเนินงาน ฯลฯ โดยการโอนสัดส่วนการถือหุ้นใน 15 บริษัทที่เกี่ยวข้องในไทยไปยังบริษัท ช้าง เบียร์ จำกัด “Chang Beer Co., Ltd.,” ซึ่งเป็นบริษัทย่อยทางอ้อม โดยทางไทยเบฟยังคงถือหุ้น 100% ในกลุ่มบริษัทเหล่านี้

โดยภายหลังจากการปรับโครงสร้างดังกล่าว จะช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจเบียร์สามารถสร้างมูลค่าในตลาดทุน ตลาดตราสารหนี้ และเพิ่มมูลค่าของผู้ถือหุ้น ตลอดจนการใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ที่มีในพอร์ตโฟลิโอได้เหมาะสมมากที่สุด

ก่อนหน้านี้ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ไทยเบฟยังมีการจัดตั้งบริษัทย่อยใหม่อีก 6 บริษัท แบ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินงานในสิงคโปร์ 5 บริษัท อาทิ บริษัท สยามบริวเวอรี่ จำกัด บริษัท เอเชีย บริวเวอรี่ส์ จำกัด บริษัท ไทย บริวเวอรี่ส์ จำกัด บริษัท เบียร์ ซูเปอร์ แบรนด์ส์ จำกัด บริษัท อินเทอร์เบฟ (สิงคโปร์) 2019 จำกัด และบริษัทที่ดำเนินงานในไทยอีก 1 บริษัท คือ บริษัท ช้าง โฮลดิ้ง จำกัด เพื่อปรับโครงสร้างธุรกิจเบียร์ในภาพรวมด้วยเช่นกัน