KCG ตั้งบริษัทลูกบุกซีแอลเอ็มวี มองข้ามชอตกำลังซื้อ-จัดทัพลุยปีหน้า

เคซีจีปรับเป้าโตรับเศรษฐกิจชะลอตัว หวังเทศกาลปลายปีปลุกตลาด ส่งกระเช้า สินค้าปีใหม่ ทำโปรโมชั่นร่วมกับช่องทางขายรับโอกาส เปิดตัวช่องทางออนไลน์รับกระแสอีคอมเมิร์ซ เตรียมจัดระเบียบพอร์ตสินค้าใหม่ ซุ่มจดทะเบียนตั้งบริษัทเวียดนามเตรียมรุกต่างประเทศเต็มสูบ

ฐานลูกค้าหลักเป็นกลุ่มกำลังซื้อระดับกลางเริ่มคิดเยอะขึ้นก่อนจับจ่ายในแต่ละครั้งจากภาวะของเศรษฐกิจโดยรวมที่ชะลอตัวและกลุ่มสินค้าของ KCG ซึ่งเป็นผู้นำเข้าสินค้าอาหารสำเร็จรูปและเนยแข็งและผู้ผลิตสินค้าบริโภค อาทิ เนยและชีส “อลาวรี่” บิสกิต “อิมพีเรียล” น้ำผลไม้เข้มข้น “ซันควิก” ก็ต้องเผชิญความท้าทายโดยเฉพาะปัจจุบันที่สินค้าอุปโภคบริโภคทดแทนกันได้

ความเคลื่อนไหวล่าสุดของผู้นำเข้าและผลิตสินค้าบริโภครายใหญ่นี้มีความเข้มข้นเพื่อรักษาฐานลูกค้าในประเทศและบุกตลาดต่างประเทศเต็มรูปแบบ

ตั้งทีมพิเศษเร่งการเติบโต

นายตง ธีระนุสรณ์กิจ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายคุกกี้ “อิมพิเรียล”, เนย “อลาวรี่”, น้ำส้ม “ซันควิก” ฯลฯ กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สภาพกำลังซื้อที่ชะลอตัวในเวลานี้มีผลกระทบกับทุกธุรกิจ รวมทั้งเคซีจีที่คาดว่าปีนี้จะเติบโตได้น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาสสุดท้ายจะเดินหน้าทำการตลาดต่อเนื่องเพื่อรับกับโอกาสในช่วงเทศกาลปีใหม่ เช่น ทำโปรโมชั่นร่วมกับช่องทางขาย ทำสินค้าตามเทศกาล รวมทั้งจัดกระเช้าปีใหม่ ฯลฯ เพื่อผลักดันยอดขายตลอดปีให้เติบโตที่ 5% ปรับลดลงจากเป้าหมายเดิมที่ 8%

“แม้ฐานลูกค้าหลักของเคซีจีจะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อระดับกลางขึ้นไป แต่ในเวลานี้ผู้บริโภคคิดก่อนใช้จ่ายมากขึ้น มองหาสินค้าที่คุณภาพทดแทนกันได้ในราคาที่ถูกกว่ามากขึ้น เคซีจีก็ต้องปรับตัว ทั้งแง่ของสินค้า ช่องทางขาย รวมทั้งการปรับองค์กรให้พร้อมรุกตลาดในปีหน้า โดยตอนนี้กำลังตั้งหน่วยงานพิเศษขึ้นมาผลักดันการเติบโตของแต่ละกลุ่มสินค้า ทั้งบิสกิต-คุกกี้ รวมทั้งเนย-ชีส ที่เคซีจีเป็นผู้นำตลาดอยู่”

ลงทุนรอบใหม่รับอนาคต

และเพื่อรับกับเทรนด์ออนไลน์ที่กำลังเติบโต ล่าสุดได้เปิดตัว “เคซีจี เฮ้าส์” (KCG House) เว็บขายสินค้าออนไลน์ของเคซีจี เพิ่มช่องทางขายใหม่ ๆ ตอบโจทย์เรื่องความสะดวกให้กับผู้บริโภค ซึ่งมีแผนลงทุนพัฒนาระบบอีคอมเมิร์ซในแต่ละเฟสต่อเนื่อง คาดว่าจะเป็นรูปธรรมมากขึ้นในปีหน้า

สำหรับสินค้าใหม่จะให้ความสำคัญกับนวัตกรรมมากขึ้น ปีหน้าคาดว่าจะมีสินค้าใหม่ทั้งตัวบิสกิต เวเฟอร์ รวมทั้งมีแผนจัดกลุ่มสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ตัดสินค้าบางตัวออกไปแล้วเพิ่มสินค้าใหม่เข้ามาแทนเพื่อบริหารจัดการต้นทุนให้ดียิ่งขึ้น

“การลงทุนใหม่ ๆ จะดูตามความเหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งตอนนี้ทั้ง 3 โรงงานยังคงมีกำลังการผลิตเพียงพอเพราะเพิ่งลงทุนรอบใหม่ไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ สามารถรองรับได้ทั้งตลาดในไทยและต่างประเทศที่จากนี้ไปเคซีจีจะให้ความสำคัญมากขึ้น”

ตั้งบริษัทลูกบุก CLMV

สำหรับทิศทางในต่างประเทศ จากนี้ไปจะโฟกัสตลาดในเอเชียมากขึ้น โดยเฉพาะในซีแอลเอ็มวี ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ที่ก่อนหน้านี้ได้เริ่มเข้าไปบ้างแล้ว เพื่อรับโอกาสของตลาดขนาดใหญ่ที่มีวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงถึงกัน ผู้คนรู้จักสินค้าไทยเป็นอย่างดี นอกจากจะมีทีมงานเพื่อดูแลธุรกิจต่างประเทศโดยเฉพาะ ล่าสุดได้จดทะเบียนตั้งบริษัทที่เวียดนามเพื่อรองรับการขยายธุรกิจช่วง 2-3 ปีจากนี้ รวมทั้งมีแผนทำงานร่วมกับตัวแทนที่มีอยู่ในแต่ละประเทศทำกิจกรรมการตลาดให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น ทั้งในกลุ่มสินค้าของบริษัทเองและสินค้าที่บริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายจากต่างประเทศ โดยเตรียมขยายตลาดเนย-ชีสเข้าไปมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีบิสกิตเป็นสินค้าหลัก

“แนวโน้มการเติบโตในปีหน้าต้องประเมินจากการใช้จ่ายภาครัฐ การท่องเที่ยว และการส่งออกที่เริ่มมีสัญญาณดีขึ้นแล้วในตอนนี้ รวมทั้งความเชื่อมั่นของนักลงทุนด้วย แต่คาดว่าน่าจะดีกว่าปีนี้ และอาจจะส่งผลให้เคซีจีเติบโตได้ราว 8%”