“ฟิลิปส์” รุกตลาด ชู “หม้อทอด” หัวหอก-ปั้นออนไลน์ หวังโต 2 หลัก

“ฟิลิปส์” กางโรดแมปรุกตลาดครึ่งปีหลัง โฟกัสเครื่องครัวไฟฟ้า-เตารีด-เครื่องฟอกอากาศ ชูหม้อทอดไร้น้ำมันเป็นหัวหอกรับเทรนด์สุขภาพ-ทำอาหารเองที่บ้าน งัดจุดขายนวัตกรรมอำนวยความสะดวกตอบโจทย์พ่อบ้าน-แม่บ้านยุคใหม่เวลาน้อย พร้อมโยกงบฯลงออนไลน์ ทยอยส่งแคมเปญการตลาดกระตุ้นต่อเนื่อง ผุดออฟฟิเชียลช็อปรับเทรนด์พร้อมเล่นโปรฯแรง ให้ส่วนลด 50% มั่นใจยอดขายโตดับเบิลดิจิต

ครึ่งปีแรกที่ผ่านมา แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบกับหลาย ๆ ธุรกิจ หลาย ๆ สินค้า แต่อีกด้านหนึ่งกลับพบว่า ผลพวงจากกระแสการใส่ใจและหันมาดูแลสุขภาพที่มีมากขึ้น รวมทั้งปัจจัยจากกระแสการรณรงค์ “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” และเวิร์กฟรอมโฮม เพื่อลดการแพร่กระจายไวรัส ส่งผลให้สินค้าเพื่อสุขภาพ รวมทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กำลังมาแรง คือ หม้อทอดอากาศ หรือ “หม้อทอดไร้น้ำมัน” ที่หลาย ๆ คนคุ้นเคย ได้รับความนิยมมากขึ้น นอกจากยอดขายที่เติบโตแบบก้าวกระโดดแล้ว อีกด้านหนึ่งก็ทำให้มีผู้ประกอบการจำนวนมากที่ส่งสินค้าเข้ามาเพื่อรองรับโอกาสที่กำลังเกิดขึ้น

โหนกระแสสุขภาพดันยอด

นางสาวสิริวรรณ นิจกิจจาทร ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจเพอร์ซันนอล เฮลท์ บริษัท ฟิลิปส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้แม้ว่าปัจจัยทางเศรษฐกิจและกำลังซื้อในภาพรวมอาจจะชะลอตัวจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้น แต่กระแสความใส่ใจในสุขภาพที่มีมากขึ้น รวมถึงความนิยมทำอาหารรับประทานที่บ้าน เป็นปัจจัยบวกกับตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว ที่คาดว่าจะยังมีดีมานด์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา โดยเฉพาะหม้อทอดอากาศ หรือ air fryer ที่คาดจะยังมีดีมานด์เพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี

ประกอบกับปัจจุบันในแง่ของอัตรา penetration หรือจำนวนครัวเรือนที่มีหม้อทอด ยังมีตัวเลขประมาณ 10-20% ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับไมโครเวฟ นอกจากนี้ สินค้าอีกตัวหนึ่งที่คาดว่าจะมีความต้องการมากขึ้นในช่วงปลาย ๆ ปีก็คือ เครื่องฟอกอากาศ เนื่องจากปัญหาฝุ่นควัน ฝุ่น 2.5 พีเอ็ม ที่จะกลับมาในช่วงปลายปี

ปูพรมสินค้านวัตกรรม

นางสาวสิริวรรณกล่าวต่อไปว่า โดยแนวทางการรุกตลาดของกลุ่มธุรกิจเพอร์ซันนอล เฮลท์ ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ฟิลิปส์จะทยอยส่งสินค้าใหม่ ๆ เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง และจะเน้นจุดขายด้านนวัตกรรม ฟังก์ชั่นหลากหลาย และดีไซน์เรียบหรู ตามความนิยมของผู้บริโภคระดับกลาง-บนที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย เป็นการตอกย้ำจุดขายด้านนวัตกรรมที่ช่วยอำนวยความสะดวกเพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งและกระตุ้นการตัดสินใจผู้บริโภค โดยจะมีหม้อทอดที่มีระบบเอไอเป็นตัวควบคุมอุณหภูมิแบบอัตโนมัติเป็นหัวหอกหลักในการรุกตลาดและกระตุ้นการตัดสินใจ รวมทั้งจะเชื่อมโยงไปถึงสินค้าตัวอื่น ๆ เช่น เตารีด เครื่ืองโกนหนวดไฟฟ้า เป็นต้น

นอกจากนี้ยังเตรียมเปิดตัวเครื่องฟอกอากาศรุ่นใหม่ที่มีจุดขายด้านดีไซน์เร็ว ๆ นี้ หลังจากสัปดาห์ที่แล้วเปิดตัวเตารีดระบบเอไอ “เพอร์เฟคแคร์ 9000 ซีรีส์” ที่สามารถปรับอุณหภูมิและไอน้ำให้เหมาะกับเนื้อผ้าโดยอัตโนมัติ 2 รุ่น ราคา 2.69 และ 2.79 หมื่นบาท

ที่ผ่านมาจากภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ไม่ดีนัก จะส่งผลกระทบกับดีมานด์สินค้าบางแคทิกอรี่ เช่น เครื่องโกนหนวด เตารีด เนื่องจากไม่ใช่สินค้าจำเป็น แต่หลังจากที่ทางการประกาศคลายล็อกธุรกิจมาเป็นระยะ ๆ เริ่มพบว่าดีมานด์สินค้าบางรายการกลับมียอดขายดีขึ้น โดยเฉพาะเตารีด ดังนั้น ฟิลิปส์จึงมีแผนจะรุกตลาดเตารีดต่อเนื่อง เพื่อรักษาโมเมนตัมนี้เอาไว้ ซึ่งเตารีดถือเป็นสินค้าที่ทำรายได้เป็นสัดส่วนถึง 25% เป็นรองเพียงเครื่องครัวที่มีสัดส่วน 38% ขณะที่เครื่องฟอกอากาศ 20% และสินค้ากลุ่มอื่น ๆ รวมกัน 17%

ตั้งเป้าโตดับเบิลดิจิต

นางสาวสิริวรรณกล่าวด้วยว่า นอกจากการทยอยส่งสินค้าใหม่ ๆ เข้าสู่ตลาดเป็นระยะ ๆ แล้ว ในแง่ของการทำการตลาดก็จะมีมากขึ้น โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์ที่จะมีความเข้มข้นกว่าเดิม ด้วยการโยกงบฯการตลาดจากออฟไลน์มาใช้ในช่วงทางออนไลน์ โดยจะมีการทำแคมเปญการตลาดมากขึ้น

รวมทั้งจะมีการจัดไลฟ์สดบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ, ใช้บล็อกเกอร์ รวมถึงกิจกรรมชิงรางวัล เน้นการเชื่อมโยงสินค้าหลาย ๆ ชิ้น เพื่อสร้างการรับรู้-เพิ่มโอกาสทดลองใช้สินค้า เช่น “Philips Airfryer ยืน 1 เรื่องรสชาติ” ที่ร่วมมือกับ เชฟกันน์ จากรายการ “กินกัน (น์) มั้ย” ตั้งแต่วันที่ 10-23 ก.ค. ให้ลูกค้าโพสต์ภาพนิ่ง หรือวิดีโอการใช้ Philips Airfryer ทำอาหารขึ้นบนโซเชียลแบบ public และใส่แฮชแท็ก #PhilipsAirfryer ยืน 1 เรื่องรสชาติ เพื่อชิงรางวัลชุดเครื่องครัวไฟฟ้า Philips Smart Kitchen Appliances เป็นต้น

พร้อมกันนี้ก็จะเพิ่มน้ำหนักการขายผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ ด้วยการเปิดออนไลน์แฟลกชิปสโตร์ www.thshop.philips.co.th เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา พร้อมจัดแคมเปญด้วยการให้ส่วนลดสูงสุด 50% และลดเพิ่มสูงสุด 7,000 บาท เมื่อมียอดซื้อครบตามเงื่อนไข และหลังจากนี้จะเน้นทำตลาดกับกลุ่มลูกค้าเก่าเพื่อให้เกิดการซื้อซ้ำ และใช้เป็นดิจิทัลโชว์รูมเพื่อโชว์ไลน์อัพสินค้า ส่วนช่องทางออฟไลน์เดินหน้ารีโนเวต
นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยสร้างความน่าสนใจในการสาธิตสินค้า ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์สำคัญของเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นเล็ก รวมถึงเดินสายจัดโรดโชว์และร่วมงานเอ็กซ์โปต่าง ๆ ตลอดครึ่งปีหลัง

จากแผนการรุกตลาดที่หนักหน่วงขึ้น จึงได้ประสานกับบริษัทแม่และโรงงานเพื่อเพิ่มสต๊อกสินค้า โดยเฉพาะหม้อทอด อีกประมาณ 1 เท่าตัว ส่วนเครื่องฟอกอากาศจะสำรองสินค้าไว้ประมาณ 40% เพื่อรับดีมานด์ช่วงท้ายปี และจากแนวทางการทำตลาดดังกล่าวมั่นใจว่าจะช่วยสร้างยอดขายรวมปีนี้เติบโตดับเบิลดิจิตได้ตามเป้าที่ตั้งไว้


“ครึ่งปีแรกที่ผ่านมา สถานการณ์ของบริษัทค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับตลาด เพราะนอกจากกระแสสุขภาพ และความนิยมหม้อทอดแล้ว การหันมาให้ความสำคัญกับช่องทางออนไลน์มากขึ้น โดยมีการอัพเกรดพนักงานขายในช่องทางออฟไลน์ เช่น เทคนิคการบริการแบบแชตแอนด์ช็อป ที่เป็นการพูดคุยกับลูกค้าผ่านแชต เพื่อให้เข้าถึงลูกค้ากลุ่มสูงวัยที่อาจไม่คุ้นเคยกับการช็อปออนไลน์ เป็นต้น เพื่อรับมือกับการปิดห้างสรรพสินค้า รวมถึงการรุกตลาดหม้อทอดอย่างเข้มข้น หลังยอดขายเติบโตดับเบิลดิจิต 2 ปีติดกัน และมีการลอนช์โฆษณาทีวีเมื่อปลายปี 2562 ตามด้วยเปิดตัวรุ่นระบบเอไอที่เป็นแฟลกชิปช่วงต้นปี 2563 และมีการสต๊อกสินค้าไว้จำนวนหนึ่ง และแม้โรงงานในต่างประเทศจะหยุดเพราะโควิด-19 แต่ก็ไม่กระทบและทำให้ยอดขายเติบโตเป็นที่น่าพอใจ” นางสาวสิริวรรณกล่าว