แนวรบ “ร้านสะดวกซัก” เดือด อ๊อตเทริโปรแรงดึงแฟรนไชส์

ซักผ้าหยอดเหรียญ “อ๊อตเทริ” มั่นใจแนวโน้มตลาดสดใส-แข่งขันแรง ย้ำจุดแข็งเทคโนโลยี-บริการเสริม สร้างความแตกต่าง เดินหน้าผนึกพันธมิตรรอบทิศอัดโปรโมชั่นจูงใจผู้บริโภค กลางสิงหาคมนี้ประกาศจัดอีเวนต์ใหญ่ ให้ส่วนลด 1 แสน/ขยายเวลาประกัน 1 ปี จูงใจนักลงทุนเปิดแฟรนไชส์ พร้อมศึกษาโอกาสดึงสตรีมมิ่ง-ร้านกาแฟเสริมบริการ คาดสิ้นปีสาขาเฉียด ๆ 400 สาขา รายได้ทะลุ 400 ล้าน ตามเป้า

นายกวิน นิทัศนจารุกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค-เน็กซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้บริหารเชนร้านสะดวกซักรายใหญ่ “อ๊อตเทริ วอช แอนด์ ดราย” เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปัจจุบันธุรกิจร้านสะดวกซักเริ่มเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในแง่ของผู้บริโภคที่มีความคุ้นเคย และบริการที่สามารถตอบโจทย์ในเรื่องของความสะดวกสบาย และดีมานด์ของนักธุรกิจนักลงทุนที่มองเห็นศักยภาพของธุรกิจนี้ที่มีเพิ่มขึ้น

รวมทั้งกระแสความสนใจของกลุ่มผู้ประกอบการค้าปลีก โดยเฉพาะร้านสะดวกซื้อหลาย ๆ ค่ายที่เพิ่มบริการร้านสะดวกซักเข้าไป เพื่อเสริมหรือต่อยอดจุดขายด้านการบริการและสร้างโอกาสการขายให้มากขึ้นจากผู้ที่มาใช้บริการซักผ้า ซึ่งปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้จะสนับสนุนให้ธุรกิจร้านสะดวกซักช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มที่จะเติบโตมากขึ้น

“ที่ผ่านมาการรณรงค์อยู่บ้านและเวิร์กฟรอมโฮม เพื่อลดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นปัจจัยสำคัญที่มีส่วนหนุนให้ผู้บริโภคหันมาใช้บริการร้านสะดวกซักมากขึ้น นอกจากนี้จากปัจจัยในเรื่องของเศรษฐกิจที่ยังอยู่ในภาวะที่ชะลอตัว รายได้ผู้บริโภคที่ลดลง ร้านสะดวกซักหรือเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญก็จะเป็นตัวเลือกอีกทางหนึ่งที่จับต้องได้ เมื่อเทียบการซื้อเครื่องซักผ้าที่มีราคาสูง”

นายกวินกล่าวต่อไปว่า จากแนวโน้มการเติบโตของเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญที่มีมากขึ้น ทำให้มีผู้เล่นรายใหม่ ๆ กระโดดเข้ามาในตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเปิดแบรนด์ใหม่และแฟรนไชส์ และเพื่อรองรับการแข่งขันที่มีสูงขึ้น อ๊อตเทริจะให้ความสำคัญกับการย้ำจุดแข็งด้านเทคโนโลยี และการบริการเสริมในร้านที่มีความแข็งแกร่ง

รวมทั้งโปรโมชั่นที่เน้นไปที่เรื่องของความคุ้มค่า รวมถึงหาวิธีใช้ประโยชน์จากช่วงเวลา 30-60 นาทีที่ลูกค้านั่งรอเครื่องซัก-อบผ้า เพื่อเสริมจุดขาย-สร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง ซึ่งจะเป็นการช่วยรายได้เสริมให้กับแฟรนไชซีของอ๊อตเทริ

“เราจะเน้นการต่อยอดแอปพลิเคชั่นอ๊อตเทริที่เปิดตัวเมื่อเดือนมิถุนายน รวมถึงการจับมือพันธมิตร เช่น ปั๊มน้ำมันพีที, ทรูมันนี่, ตู้บุญเติม, ผลิตภัณฑ์ซักผ้าไฮยีน, บิวตี้แลนด์มาร์ก ผู้ให้บริการเครื่องจำหน่ายสินค้าความงามอัตโนมัติ และอื่น ๆ มาใช้ทำการตลาด และสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า หรือซีอาร์เอ็ม รวมถึงให้บริการต่าง ๆ ในร้าน จากปัจจุบันเกือบทุกแบรนด์ต่างมีเพียงบริการไวไฟฟรีเท่านั้น นอกจากนี้อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ของการให้บริการด้านบันเทิง เช่น ลูกค้าที่เชื่อมต่อไวไฟของร้านจะสามารถชมสตรีมมิ่งต่าง ๆ ได้พรี หรือการเปิดร้านกาแฟภายในสาขา ซึ่งขณะนี้เจรจากับแบรนด์กาแฟหลายราย”

นายกวินกล่าวว่า นอกจากนี้ล่าสุดบริษัทได้จัดแคมเปญร่วมกับไฮยีน โดยลูกค้าที่ซื้อสินค้าไฮยีนผ่าน Shopee และ JD.Com ตั้งแต่ 1 ก.ค.-30 ส.ค. 2563 รับฟรีน้ำยาซักผ้า ขนาด 35 มล. 1 ชิ้น พร้อมกับโบรชัวร์ที่มี code มูลค่า 10 บาท เพื่อนำมาใช้ซักผ้าที่ร้าน และแคมเปญชำระเงินผ่านทรูวอลเล็ต รับเงินคืน 5-10 บาท รวมถึงการสะสมแต้มจากการใช้บริการเพื่อแลกของรางวัล เป็นต้น

หลังจากนี้ไปจะมีการจัดโปรโมชั่นผ่านแอปมากขึ้นอีกเพื่อกระตุ้นการใช้บริการ จากก่อนหน้านี้ที่มีแคมเปญสะสมคะแนนพีทีแมกซ์ เมื่อชำระค่าซัก-อบผ้าผ่านวอลเลตในแอปอ๊อตเทริ และแลกคะแนนพีทีแมกซ์เป็นเงินเข้าวอลเลต หรือแลกของที่ระลึก และการจับมือกับพันธมิตร บิวตี้แลนด์มาร์ก ติดตั้งเครื่องขายสินค้าความงามอัตโนมัติในอ๊อตเทริ สาขาลาดพร้าว 114 และรามคำแหง 53 พร้อมโปรโมชั่นสินค้าราคาพิเศษ ลดสูงสุด 50% เป็นต้น

เช่นเดียวกับการสื่อสารและจูงใจกลุ่มนักลงทุนหรือนักธุรกิจที่สนใจจะลงทุน โดยจะเพิ่มความเข้มข้นในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออนไลน์ และโซเชียลเน็ตเวิร์ก รวมถึงการจัดอีเวนต์ เช่น Otteri X Alliance ในวันที่ 18 สิงหาคมนี้ โดยในงานจะมีโปรโมชั่นแคชแบ็ก 1 แสนบาท หรือขยายระยะเวลารับประกัน 1 ปี เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นการตัดสินใจของนักลงทุน จากช่วงล็อกดาวน์ที่ผ่านมา บริษัทมีโปรโมชั่นยกเว้นค่ามาร์เก็ตติ้งฟี ที่เดิมเก็บ 2% เป็นเวลา 3 เดือน และช่วยเจรจาค่าเช่าสถานที่ให้กับบางราย

“จากกลยุทธ์ดังกล่าวเชื่อว่าจะสามารถขยายสาขาเพิ่มทั้งสาขาของบริษัทและของแฟรนไชซีได้ประมาณ 200 สาขา หรือรวมทั้งสิ้นประมาณ 360-370 สาขา ส่วนรายได้จะเติบโตเป็น 380-400 ล้านบาท เพิ่มจากรายได้ 273 ล้านบาท ในปีที่แล้วตามเป้าที่วางไว้” นายกวินกล่าว