บริษัทวิจัยนีลเส็นเปิดเผยสถานการณ์ ในอุตสาหกรรมโฆษณาช่วงหลังล็อกดาวน์ พบว่า แต่ละสื่อทั้งทีวี วิทยุ และดิจิทัล ต่างมีความเปลี่ยนแปลง ในขณะที่ปริมาณเม็ดเงินเริ่มฟื้นตัวอย่างช้าๆ
รายการข่าวมาแรง
สำหรับ ทีวี มีฐานผู้ชมที่เปลี่ยนแปลงไป โดยมีกลุ่มคนอายุ 40 ปีขึ้นไป และกลุ่มพนักงานออฟฟิศเพิ่มมากขึ้น เมื่อเทียบกับก่อนการระบาดที่ผู้ชมส่วนใหญ่เป็นวัย 30 ปีขึ้นไป ประกอบด้วยกลุ่มหลักๆ คือ ผู้ใช้แรงงาน วัยเกษียณ และแม่บ้าน
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- KNLA ถอนกำลังจากเมียวดี ไปโจมตีทหารเมียนมากองพล 55 ผู้ลี้ภัยข้ามฝั่งกลับแล้ว
ส่วนรูปแบบรายการที่ได้รับความนิยมจะเป็น รายการข่าว เรียลลิตี้โชว์ และภาพยนตร์ ซึ่งมีเรตติ้งสูงขึ้นกว่าก่อนการระบาดด้วยระดับ 0.43 และ 0.48 และ 1.02 ตามลำดับ ส่วนละครไม่เปลี่ยนแปลงมากนักด้วยระดับ 2.1
อย่างไรก็ตามในแง่จำนวนผู้ชม/ระะยะเวลาที่รับชม กลับมาอยู่ในระดับใกล้เคียงกับก่อนการระบาด ยกเว้นผู้ชมในต่างจังหวัดที่ยังต่ำกว่าปกติ เชื่อว่าเป็นเพราะสภาพอากาศที่่มีฝนฟ้าคะนองในหลายภาคเป็นอุปสรรคต่อการรับชม
ด้าน สื่อดิจิทัล มีการใช้งานสูงขึ้นในทุกกลุ่มอายุ สะท้อนจากยอดการใช้งานที่ระดับ 49% หรือครึ่งหนึ่งของประชากรชาวไทยสูงกว่าช่วงก่อนการระบาดที่อยู่ในระดับ 47% โดยมีการชมเฉลี่ย 11 ครั้งต่อเดือน และยอดวิว 3 พันล้านวิวต่อเดือน
ในส่วนของรูปแบบรายการนั้น นอกจากการชมรายการบันเทิงย้อนหลังแล้ว คอนเทนต์ข่าวยังได้รับความนิยมสูงขึ้น เช่นเดียวกับในสื่อทีวี
วิทยุโตพุ่ง
ส่วน วิทยุ เป็นสื่อที่มีการเติบโตสูงแบบก้าวกระโดด เห็นได้จากช่วงเดือน มิ.ย.-ส.ค. มีผู้ฟังเฉลี่ยระดับ 13.8-12.2 ล้านคน เพื่อจากช่วง ม.ค.-ก.พ. ที่มีผู้ฟัง 9.6-9.7 ล้านบาท โดยการฟังผ่านมือถือ และแท็บเล็ตเพิ่มมากขึ้น เช่นเดียวช่วงเวลา 8 โมงเช้า-บ่าย 2 มีผู้ฟังมากขึ้นเช่นเดียวกัน เชื่อว่าเป็นเพราะผู้บริโภคเปิดฟังเป็นเพื่อนขณะทำงานหรืออยู่บ้าน
โดยคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมนั้น เพลง เป็นคอนเทนต์ยอดนิยมทั้งเพลงลูกทุ่ง เพลงไทย และเพลงสากล ส่วนข่าวได้รับความนิยมมากขึ้นเช่นกัน
จับตาเม็ดเงินโค้งท้าย
สำหรับเม็ดเงินโฆษณานั้นเริ่มมีแนวโน้มฟื้นตัวในทุกสื่อตั้งแต่คลายล็อกดาวน์ และช่วงไตรมาส 4 อาจมีเม็ดเงินไหลเข้ามาในปริมาณมาก เพราะการทำแคมเปญกระตุ้นยอดช่วงหน้าขาย แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าจะยังต้องใช้เวลาอีกประมาณ 1 ปี เม็ดเงินจึงจะกลับสู่ระดับปกติ เนื่องจากได้รับผลกระทบหลัก โดยเดือน เม.ย.เม็ดเงินลดลงถึง 30% จากช่วงเดียวกันของปี 2562 และแบรนด์-เอเยนซี่ยังคงระมัดระวังในการใช้งบฯ
ทั้งนี้ไปในทิศทางเดียวกับช่วงวิกฤติครั้งก่อนๆ ทั้งความไม่สงบทางการเมือง น้ำท่วมและอื่นๆ ที่ใช้เวลาฟื้นตัวประมาณ 1 ปีเช่นกัน
ด้านภาคธุรกิจที่ยังใช้เม็ดเงินโฆษณาเพิ่มขึ้น จะเป็นธุรกิจที่ได้อานิสงส์จากการระบาด เช่น ยา ของใช้ในบ้าน สินค้าเกษตร การศึกษา และบันเทิง ในขณะที่ธุรกิจอย่าง อาหาร ความงาม สื่อ รถยนต์ และสื่อสาร ใช้เม็ดเงินโฆษณาน้อยลง