ดิวตี้ฟรีจีน คว้าเบอร์ 1 โลก ปักกิ่งหนุนเต็มสูบ-รายได้พุ่ง

ธุรกิจสินค้าปลอดภาษี หรือดิวตี้ฟรี เคยเป็นหนึ่งในเซ็กเมนต์ค้าปลีกที่อู้ฟู่มาก จากการมีฐานลูกค้าเป็นนักท่องเที่ยวจำนวนมหาศาลที่เดินทางไปมาทั่วโลกในแต่ละวัน จนกระทั่งการระบาดของโรคโควิด-19 ได้ทำให้ธุรกิจที่เติบโตต่อเนื่องนี้ต้องหยุดชะงัก เพราะการเดินทางระหว่างประเทศกลายเป็นเรื่องต้องห้าม จนทำให้ดิวตี้ฟรีแต่ละรายต้องพากันดิ้นหนีตายกันจ้าละหวั่น

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายนี้ “ไชน่า ทัวริส กรุ๊ป ดิวตี้ฟรี” หรือ “ซีทีจี ดิวตี้ฟรี” (China Tourism Group Duty Free-CTG Duty Free) ผู้ประกอบการค้าสินค้าปลอดภาษีสัญชาติจีน ได้ขึ้นแท่นเป็นเบอร์ 1 ของโลกในด้านรายได้ไปอย่างเงียบ ๆ แม้ตลอดเวลาที่ผ่านมาจะยังไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้า-ออกแดนมังกรเลยก็ตาม

สำนักข่าว “นิกเคอิ เอเชียน รีวิว” รายงานว่า “ไชน่า ทัวริส กรุ๊ป ดิวตี้ฟรี” ซึ่งเป็นดิวตี้ฟรีของรัฐบาลจีนนั้น สามารถทำรายได้ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 แซงหน้า “ดูฟราย กรุ๊ป” (Dufry Group) ดิวตี้ฟรีรายใหญ่สัญชาติสวิสซึ่งมีหน้าร้าน 2,400 สาขาใน 420 โลเกชั่นทั่วโลก และเป็นเบอร์ 1 ของโลกในด้านรายได้มาตลอดไปแล้ว

โดยผลประกอบการ 6 เดือนแรกของ “ซีทีจี ดิวตี้ฟรี” มีรายได้ 1.93 หมื่นล้านหยวน หรือประมาณ 8.95 หมื่นล้านบาท ลดลง 22% จากช่วงเดียวกันของปี 2562 ในขณะที่ฝั่ง “ดูฟราย กรุ๊ป” ในช่วงครึ่งปีแรกมีรายได้ 1.58 พันล้านฟรังก์สวิส เทียบเป็นประมาณ 5.42 หมื่นล้านบาท ลดลงถึง 62% จากครึ่งแรกของปีที่แล้ว

ความแตกต่างราวฟ้ากับเหวนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลจากนโยบายของรัฐบาลจีนที่มุ่งผลักดันให้มณฑลไหหลำหรือเกาะไหหลำให้เป็นโซนปลอดภาษี ด้วยการโปรโมตสร้างการรับรู้และการเปิดศูนย์การค้าปลอดภาษีแห่งใหม่ในย่านช็อปปิ้งของเกาะเมื่อเดือนมกราคม รวมถึงการออกมาตรการกระตุ้นการช็อปสินค้าปลอดภาษีภายในประเทศเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่มโควตามูลค่าสินค้าปลอดภาษีที่ชาวจีนสามารถซื้อได้ให้สูงขึ้นจากเดิม 3 หมื่นหยวนต่อปี
เป็น 1 แสนหยวนต่อปี หรือเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่า และยังไม่จำกัดจำนวนร้านค้าที่ใช้สิทธิ์นี้ได้อีกด้วย

รวมกับการผ่อนคลายมาตรการห้ามเดินทางในประเทศตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน ทำให้นักท่องเที่ยวจีนแห่แหนกันไปพักผ่อนที่ไหหลำซึ่งมีสภาพอากาศแบบเกาะเขตร้อน ซึ่งซีทีจี ดิวตี้ฟรี รับลูกด้วยการเปิดเอาต์เลตในไหหลำเพิ่มอีก 2 สาขา รวมเป็น 4 สาขา เพื่อเพิ่มโอกาสขาย โดยร้านดิวตี้ฟรีทั้ง 4 แห่งบนเกาะไหหลำ สร้างรายได้ให้กับทีจีซี ดิวตี้ฟรี ถึง 6 พันล้านหยวน ในช่วง 1 กรกฎาคม-26 สิงหาคม หรือเฉลี่ย 100 ล้านหยวนต่อวัน สูงกว่าช่วงเดียวกันของปี 2562 ถึง 2.5 เท่า

นโยบายเหล่านี้ช่วยให้ซีทีจี ดิวตี้ฟรี ซึ่งคุมร้านค้าปลอดภาษีเกือบ 100% ในจีนมีรายได้ลดลงไม่มากเท่าคู่แข่งสัญชาติสวิส โดยซีทีจี ดิวตี้ฟรี ระบุในรายงานผลประกอบการรอบ 6 เดือนว่า การฟื้นตัวจากสถานการณ์การระบาดในจีน ดีมานด์ที่ย้ายมายังร้านค้าในประเทศ และโปรโมชั่นที่เข้มข้นช่วยให้ยอดขายบริษัทลดลงในระดับที่ไม่รุนแรงนัก หากเทียบกับคู่แข่ง และธุรกิจสายท่องเที่ยวอื่น ๆ

“เหล่านักท่องเที่ยวช็อปกันแบบดุเดือดมาก สินค้ายอดนิยมอย่างเหล้าต่างประเทศ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และอื่น ๆ ขายดีจนเหมือนระเหิดหายไปจากชั้นวาง” รองประธานของดิวตี้ฟรี 1 ใน 4 สาขา บรรยายสถานการณ์ในช่วงดังกล่าวกับสำนักข่าวซินหัว

นอกจากนี้ บรรดาซัพพลายเออร์ยังได้อานิสงส์จากปรากฏการณ์ช็อปกระจายครั้งนี้ด้วย เช่น ชิเซโด้ แบรนด์ความงามสัญชาติญี่ปุ่น “มิเชล คูม” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน เปิดเผยว่า แม้ปีนี้รายได้จากเซ็กเมนต์ดิวตี้ฟรีจะลดลง 19% เหลือ 5.17 หมื่นล้านเยน เพราะนักท่องเที่ยวจีนหายไป แต่เกาะไหหลำเป็นตลาดที่มีศักยภาพ และน่าจะช่วยหนุนการเติบโตในอนาคตได้

ทั้งนี้ ตำแหน่งเบอร์ 1 วงการดิวตี้ฟรีของซีทีจี ดิวตี้ฟรีนั้นน่าจะยังไม่ถูกโค่นเร็ว ๆ นี้ เพราะรัฐบาลจีนยังไม่มีนโยบายออกใบอนุญาตร้านค้าปลอดภาษีให้ผู้ประกอบการรายอื่น ส่วนอดีตเบอร์ 1 อย่างดูฟรายเองยังต้องใช้เวลาอีกระยะกว่าจะฟื้นตัว เพราะสาขาส่วนใหญ่อยู่ในสหรัฐและยุโรปซึ่งยังได้รับผลกระทบจากโควิดอย่างหนัก