การ์มิน ปั้นโพซิชั่นไลฟ์สไตล์แบรนด์ เจาะตลาดสมาร์ทวอตช์

“การ์มิน” เล็งเขย่าบังลังก์เจ้าตลาดสมาร์ทวอตช์ เร่งปั้นภาพสินค้าไลฟ์สไตล์ ไม่เน้นกีฬาก็ใส่ได้ หวังขยายฐานลูกค้า ประเดิมดึง “นาย-ณภัทร เสียงสมบุญ” นั่งแท่นพรีเซ็นเตอร์ ช่วยสื่อสารคนรุ่นใหม่วัย 20-30 ปี พร้อมชูจุดแข็งแบตอึด ราคา-ดีไซน์หลากหลาย ก่อนระดมโปรโมชั่นกระตุ้นโค้งท้าย

นายไกรรพ เหลืองอุทัย ผู้จัดการทั่วไป บริษัท จีไอเอส จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายสมาร์ทวอตช์ “การ์มิน” เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดแวร์เอเบิล หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบสวมใส่ในระดับโลก สปอร์ตวอตช์ ที่เป็นนาฬิกาสำหรับออกกำลังกายยังเป็นเซ็กเมนต์ที่เล็กและเติบโตช้ากว่าสมาร์ทวอตช์ที่มีโพซิชั่นเป็นสินค้าไลฟ์สไตล์ค่อนข้างมาก โดยสะท้อนจากช่วงปี 2561-2562 สปอร์ตวอตช์เติบโต 13% และ 11% ตามลำดับ ขณะที่สมาร์ทวอตช์เติบโต 37% และ 34% ตามลำดับ และคาดว่าปี 2563 นี้จะมีส่วนแบ่งตลาดแวร์เอเบิลถึง 48% สะท้อนถึงศักยภาพของเซ็กเมนต์นี้ ซึ่งสอดคล้องกับตลาดในประเทศไทยในช่วง 6 เดือนแรกของปีที่ผ่านมา เซ็กเมนต์สมาร์ทวอตช์เติบโต 31.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เช่นเดียวกับข้อมูลของบริษัทที่พบว่า จำนวนผู้ที่ใส่สปอร์ตวอตช์เป็นแฟชั่นเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน

การเติบโตนี้เชื่อว่าเป็นผลจากทั้งการระบาดของโรคโควิด-19 และเทรนด์สุขภาพที่มาแรงตลอดหลายปี ที่ช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคสนใจและต้องการทราบข้อมูลสุขภาพของตนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพการนอน ข้อมูลเกี่ยวกับหัวใจ การหายใจ ความเครียด ฯลฯ ซึ่งเป็นหนึ่งฟังก์ชั่นที่สมาร์ทวอตช์นำมาเป็นตัวชูโรงในการทำตลาด

อย่างไรก็ตาม แม้เซ็กเมนต์สมาร์ทวอตช์จะมีแบรนด์เทคโนโลยีรายใหญ่สัญชาติสหรัฐเป็นเจ้าตลาด แต่สินค้าของแบรนด์ดังกล่าวยังมีช่องว่างหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการต้องชาร์จแบตเตอรี่บ่อยจนทำให้บางฟังก์ชั่น เช่น วัดการนอนหลับไม่สามารถใช้ได้เต็มประสิทธิภาพ ดีไซน์ที่ไม่หลากหลาย ไม่ตอบโจทย์ผู้บริโภคบางกลุ่ม เช่น กลุ่มไฮเอนด์ ที่ต้องออกงานทางการ เป็นต้น

นายไกรรพกล่าวว่า บริษัทจึงอาศัยช่องว่างเหล่านี้เป็นโอกาสขยายฐานรุกเข้าสู่เซ็กเมนต์สมาร์ทวอตช์ ด้วยการเพิ่มภาพลักษณ์ด้านการเป็นสินค้าไลฟ์สไตล์ที่คนรักสุขภาพทุกเพศ-วัยใส่และใช้ประโยชน์ได้ จากเดิมที่เน้นการเป็นสินค้าสำหรับผู้เล่นกีฬา-ออกกำลังกายจริงจังเป็นหลัก ด้วยการเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์คนแรกของ Garmin ในประเทศไทย “นาย-ณภัทร เสียงสมบุญ” นายแบบและนักแสดงสังกัดช่อง 3 มีผลงาน อาทิ บท ปาล์ม ในภาพยนตร์ Friend Zone มารับหน้าที่นี้ เพื่อสร้างการรับรู้โพซิชั่นแบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์ ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ช่วงอายุ 20-30 ปี มีไลฟ์สไตล์สนใจสุขภาพ โดยนำสินค้ากลุ่มพรีเมี่ยม 2 รุ่น คือ อินสติงต์ (Instinct) ที่ดีไซน์คล้ายนาฬิกาดิจิทัลทั่วไป และรุ่นเวนู (Venu) ที่เน้นความเรียบหรู ราคา 13,990 บาท และ 14,500 บาท ตามลำดับ มาเป็นหัวหอกดึงดูดความสนใจพร้อมเสริมด้วยการสื่อสารเน้นย้ำจุดแข็งที่แตกต่างจากเจ้าตลาด อาทิ แบตเตอรี่ที่ใช้ได้นานระดับสัปดาห์ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ฟังก์ชั่นสุขภาพครบวงจร ทั้งคุณภาพการนอน การเต้นของหัวใจ ความเครียด ออกซิเจนในเลือด รวมถึงความหลากหลายของสินค้า ทั้งดีไซน์ซึ่งมีทั้งแบบสายคาดสำหรับเด็ก ไปจนถึงสไตล์นาฬิกาหรูไฮเอนด์ และราคาที่เริ่มตั้งแต่ 3,000 บาท ถึง 1 แสนบาท สามารถเข้าถึง-ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ทุกกลุ่ม รวมถึงการระดมแคมเปญและโปรโมชั่นจะถี่และเข้มข้นขึ้นในช่วงโค้งท้ายนี้ เพื่อสร้างความคึกคักให้กับภาพลักษณ์ใหม่ พร้อมกับกระตุ้นการตัดสินใจซื้อรับมือสภาพเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ยังไม่ฟื้นตัว รวมถึงจับตาสถานการณ์ต่าง ๆ

อย่างใกล้ชิดเพื่อรับกลยุทธ์รับมือ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ต่อเนื่องจากการปรับตัวรับมือการระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งแต่ช่วงล็อกดาวน์ ไม่ว่าจะเป็นเร่งเพิ่มช่องทางจำหน่ายผ่านออนไลน์ และร้านนาฬิกาในต่างจังหวัด เพื่อทดแทนโมเดิร์นเทรดที่ถูกปิด รวมถึงการทำโปรโมชั่นราคาในช่วงต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่กำหนดเป้าหมายสำหรับปี 2563 นี้ เนื่องจากยังต้องจับตาสถานการณ์ต่าง ๆ ทั้งสภาพเศรษฐกิจ นโยบายกระตุ้นของรัฐที่ออกมาเมื่อเร็ว ๆ นี้ แต่เชื่อว่าผลประกอบการจะไม่ต่ำกว่าปีที่แล้วแน่นอน