“เนสท์เล่” ปรับเป้าเติบโตเพิ่ม ไลน์อัพสินค้าหลากหลาย-9 เดือนยอดพุ่ง

ในขณะที่การระบาดของโรคโควิด-19 เขย่าวงการธุรกิจทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง แต่ยักษ์สินค้าอุปโภคบริโภค “เนสท์เล่” กลับมีผลประกอบการดีกว่าการคาดการณ์ของทั้งนักวิเคราะห์และตัวบริษัทเอง จนล่าสุด ยักษ์ใหญ่รายนี้ถึงขนาดกับต้องประกาศปรับเพิ่มเป้ายอดขายในปีนี้ขึ้น สวนทางกับธุรกิจอื่น ๆ ที่ต่างพยายามรักษาประคับประคองตัวกันสุด ๆ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า “เนสท์เล่” ได้ประกาศเพิ่มเป้าหมายการเติบโตของรายได้จากการขายสินค้าหรือบริการในปีนี้จากเดิม 2-3% เป็น 3% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว รวมถึงพยายามเพิ่มสัดส่วนกำไรให้สูงขึ้นด้วย

หลังไตรมาส 3 ยอดขายเติบโตถึง 4.9% ส่งผลให้ช่วง 9 เดือนที่ผ่านมายอดขายเติบโต 3.5% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเติบโตได้ 2.8%

โดยหากดูตามภูมิภาคแล้วสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดที่เติบโตสูงสุด ในขณะที่ยอดขายในเอเชียเติบโตเพียงเล็กน้อย

ผลประกอบการนี้นับว่าดีกว่าคู่แข่งร่วมวงการมาก ไม่ว่าจะเป็น “ดานอน” ที่ประกาศทบทวนเป้าของปีนี้ หลังยอดขายไตรมาส 3 ลดลง 2.5% โดยนักวิเคราะห์เชื่อว่าเป็นผลจากการที่เนสท์เล่มีไลน์อัพสินค้าที่หลากหลายกว่าคู่แข่ง

ในแถลงการณ์ของบริษัทฉายภาพตลาดว่า ดีมานด์ในกลุ่มสินค้าอาหาร และเครื่องดื่มสำหรับบริโภคในครัวเรือนยังคงสูงต่อเนื่องตลอดช่วงการระบาด ตรงข้ามกับกลุ่มสำหรับทานนอกบ้าน หรือสำหรับธุรกิจร้านอาหารที่ยังคงความท้าทาย

สำหรับแนวทางของบริษัทหลังจากนี้ ยักษ์อุปโภคบริโภคระบุว่า จะเดินหน้าขยายพอร์ตโฟลิโอสินค้า โดยเฉพาะในธุรกิจวิทยาศาสตร์สุขภาพ ซึ่งเมื่อเดือนสิงหาคมบริษัททุ่มเม็ดเงินกว่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซื้อกิจการ “เอมมูน เทราพิวติกส์” (Aimmune Therapeutics) บริษัทผู้ผลิตและทำตลาดยา ซึ่งเชี่ยวชาญด้านอาการแพ้อาหาร

ส่วนการปรับโครงสร้างธุรกิจตามแนวทางของ “มาร์ค ชไนเดอร์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเนสท์เล่ ทั้งทบทวนกลยุทธ์ธุรกิจน้ำดื่มเพียวไลฟ์ กับโปแลนด์สปริงส์ในภูมิภาคอเมริกาเหนือ และธุรกิจนมถั่วลิสงหยินลูนั้นยังอยู่ระหว่างการพิจารณา โดยคาดว่าจะเสร็จสิ้นในช่วงต้นปี 2564

ทั้งนี้เมื่อช่วงกลางเดือนตุลาคม สำนักข่าว รอยเตอร์ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า เนสท์เล่ เตรียมถอนตัวออกจากตลาดน้ำดื่มในภูมิภาคอเมริกาเหนือ เนื่องจากมีการเติบโตต่ำ ด้วยการขายแบรนด์ น้ำดื่มเพียวไลฟ์ โปแลนด์สปริงส์และอื่น ๆ ในพอร์ตโฟลิโอออกไป ซึ่งอาจจะทำให้บริษัทได้เม็ดเงินกลับมามากถึง 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมหันโฟกัสแบรนด์ที่ยังเติบโตดี เช่น อควาปานนา แทน

ด้านผู้ที่จะมาซื้อธุรกิจน้ำดื่มของเนสท์เล่นั้น แหล่งข่าวอีกรายหนึ่งคาดว่าอาจจะเป็นกลุ่มกองทุน เช่น อพอลโล่ ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการพลิกฟื้นธุรกิจ หลังจากก่อนหน้านี้ได้ถอนการลงทุนในธุรกิจผลิตภัณฑ์บำรุงผิว, ธุรกิจเนื้อสัตว์, ไอศกรีมในสหรัฐอเมริกาไปก่อนแล้ว