คลินิกความงามฮึดสู้พิษเศรษฐกิจ ลด 70% แจกของแถมดึงลูกค้าทำสวย

พิษเศรษฐกิจ-กำลังซื้อ-โควิด ทุบตลาดคลินิกความงาม 3.6 หมื่นล้าน ค่ายเล็ก-ใหญ่ แข่งอัดโปรโมชั่นแรง ลดราคา 50%-เหมาจ่าย ยิงยาวถึงปลายปี หวังดึงลูกค้า รมย์รวินท์ขนทัพโปรดักต์ขายออนไลน์ ส่วนเมโกะชูความเชี่ยวชาญ ยืนหนึ่งจมูก-ปลูกผม โรงพยาบาลบางมดไม่แข่งราคา เน้นกลุ่มไฮเอนด์

ตลอดช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ตลาดคลินิกความงามมูลค่า 3.6 หมื่นล้านบาท ต้องตกอยู่ในภาวะชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยทางเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ลดลง

ล่าสุด การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 1 ที่ผ่านมา และทำให้คลินิกความงามต้องปิดการให้บริการไปเกือบ ๆ 2 เดือน ตามมาตรการล็อกดาวน์ของภาครัฐเพื่อลดการแพร่ระบาด และส่งผลกระทบกับธุรกิจอย่างหนัก โดยเฉพาะรายได้ที่ลดลง และต้องเร่งปรับตัวเพื่อประคับประคองสถานการณ์ ทั้งการลดค่าใช้จ่าย การสร้างรายได้ช่องทางใหม่ ๆ มาทดแทนการปิดบริการหน้าร้าน

รมย์รวินท์ขยายฐานลูกค้าใหม่

นางขวัญฤทัย ดำรงค์วัฒนโภคิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท รมย์รวินท์ คลินิก จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้แม้ว่าทางการจะอนุญาตให้คลินิกความงามสามารถกลับมาเปิดให้บริการได้เต็มรูปแบบแล้ว แต่ในภาพรวมพบว่าลูกค้ายังไม่กลับมาใช้บริการเหมือนเดิมเมื่อเทียบกับก่อนหน้าที่จะมีโควิด-19 ลูกค้าเริ่มกลับมาใช้บริการประมาณ 70% เท่านั้น หลัก ๆ จะเป็นกลุ่มลูกค้าเดิม และส่วนใหญ่จะเน้นการซื้อคอร์สราคาประหยัด เนื่องจากปัญหาทางเศรษฐกิจ ตลอดจนคนตกงาน ทำให้ไม่มีกำลังซื้อ และมีเหตุจำเป็นที่ต้องลดค่าใช้จ่ายลง แต่อีกด้านยังมีกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อ และยังต้องการทำสวยอยู่ หลัก ๆ แล้วจะนิยมเข้ามาใช้บริการประเภทของโบท็อกซ์และฟิลเลอร์

จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อบรรดาคลินิกความงาม โดยเฉพาะรายเล็กเริ่มทยอยปิดสาขา และหันมาให้ความสำคัญกับการลดต้นทุนเพื่อประคับประคองธุรกิจ และขณะเดียวกัน ภาพรวมตลาดศัลยกรรมความงามที่มีมูลค่ารวมประมาณ 3.6 หมื่นล้าน อยู่ในภาวะชะลอตัวมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา และมีการแข่งขันสูงขึ้น แม้จะเห็นว่ามีแบรนด์ใหม่ ๆ เกิดขึ้นอยู่ตลอด แต่ก็มีแบรนด์ที่ออกจากตลาดไปด้วยเช่นกัน

นางขวัญฤทัยกล่าวว่า สำหรับรมย์รวินท์ คลินิก ปีนี้ถือว่าท้าทายมาก จากวิกฤตของโควิด-19 ช่วงนั้นปิดให้บริการไปกว่า 2 เดือน ทำให้รายได้หลักหายไป จึงปรับตัวด้วยการนำผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางภายใต้แบรนด์รมย์รวินท์กว่า 50 เอสเคยู มาจำหน่ายในช่องทางเฟซบุ๊ก ขณะเดียวกัน ก็จะพยายามผลักดันการให้บริการในส่วนของหน้าร้านหรือสาขาต่าง ๆ ให้ธุรกิจเติบโต

เริ่มจากการควบคุมมาตรฐานและคุณภาพในการให้บริการ ควบคู่กับการเพิ่มนวัตกรรมโปรแกรมกระชับสัดส่วน ตามด้วยโปรแกรมทรีตเมนต์ดูแลผิวหน้า และโปรแกรมซูเปอร์สลิม ควบคู่กับการเร่งขยายฐานกลุ่มลูกค้าเป้าหมายไปยังกลุ่มใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น ตลอดจนการโปรโมชั่นต่อเนื่อง

“เมโกะ” ชูความเชี่ยวชาญเข้าสู้

นางสาวมนต์นภา ฉายาวิจิตรศิลป์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิวติเพล็กซ์ จำกัด ผู้บริหาร “เมโกะ คลินิก” กล่าวไปในทิศทางเดียวกันว่า ขณะนี้ภาพรวมตลาดศัลยกรรมความงามยังคงชะลอตัว หลัก ๆ มาจากภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อ ผู้คนต้องระมัดระวังในการใช้จ่าย

จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้เกิดการแข่งขันสูง หลังจากคลายล็อกดาวน์ ค่ายคลินิกความงามทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ จัดโปรโมชั่นลดราคาถูกลงมาก เมื่อเทียบกับช่วงเหตุการณ์ปกติ เพื่อหวังดึงดูดลูกค้ากลับมาใช้บริการ ถือว่าเป็นปีที่ท้าทายและต้องปรับตัวอย่างหนัก

เช่นเดียวกับเมโกะ คลินิก หลังจากทุกอย่างปลดล็อกจากวิกฤตโควิด-19 ตอนนี้กลับมาเปิดให้บริการทุกสาขา โดยในช่วง 2 เดือนแรก ระหว่างเดือนกันยายนและตุลาคม ลูกค้าเริ่มนัดหมายเข้ามาใช้บริการมากขึ้น เพราะช่วงที่ปิดให้บริการไป เมโกะได้จัดแคมเปญสวยสู้โควิด-19 ลดราคาจองทำศัลยกรรม โดยเฉลี่ยมีการลดราคาจากปกติตั้งแต่ 10,000-15,000 บาท ถือว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

สำหรับกลยุทธ์และทิศทางจากนี้ บริษัทต้องเร่งปรับตัวชูความเป็นผู้เชี่ยวชาญมาเป็นจุดขาย เช่น ศัลยกรรมจมูก ตา ปาก และปลูกผม เพิ่มนวัตกรรมและคุณภาพในการบริการ และจากนี้ไปเมโกะจะให้ความสำคัญกับคลินิกความงามที่เน้นด้านผิวพรรณมากขึ้น ได้แก่ โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ HIFU เพื่อรองรับกับเทรนด์ความต้องการของคนรุ่นใหม่ ควบคู่กับจัดแคมเปญและโปรโมชั่นสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์อยู่เป็นระยะ ๆ

บางมดเจาะไฮเอนด์

นายแพทย์ธนัญชัย อัศดามงคล ผู้อำนวยการศูนย์ศัลยกรรมความงาม โรงพยาบาลบางมด กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 โรงพยาบาลไม่ค่อยได้รับผลกระทบมากนัก เพราะในช่วงนั้นภาครัฐให้ปิดเฉพาะคลินิกความงาม แต่ฝั่งโรงพยาบาลอนุญาตให้ทำศัลยกรรมได้ปกติ

แต่สิ่งที่ได้รับผลกระทบโดยตรง คือ รายได้จากกลุ่มลูกค้าที่เป็นชาวต่างชาติลดลง เนื่องจากยังบินเข้ามาเที่ยวในประเทศยังไม่ได้ ที่ผ่านมาสัดส่วนลูกค้า แบ่งเป็นคนไทย 80% และต่างชาติ 20% โดยหลังจากทุกอย่างปลดล็อก ลูกค้าคนไทยเริ่มกลับมาได้ประมาณ 80-90%

ขณะเดียวกัน โรงพยาบาลต้องปรับกลยุทธ์ชูจุดแข็งด้านเทคนิคการผ่าตัดเฉพาะทาง เพิ่มน้ำหนักในเรื่องของคุณภาพและความปลอดภัยในการบริการ ตลอดจนการเน้นสื่อสารในกลุ่มคนไทย ผ่านแนวคิดว่าการทำศัลยกรรมไม่ใช่เรื่องแปลก และอยากให้คนยอมรับมากขึ้น และให้เกิดการบอกต่อแบบปากต่อปาก ไม่เน้นการแข่งขันราคา และเน้นจับกลุ่มลูกค้าคนไทยระดับไฮเอนด์เพิ่มขึ้น

กระหน่ำโปรฯแรงดึงลูกค้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสำรวจพบว่าปัจจุบันตลาดศัลยกรรมความงามทั้งรายเล็กและใหญ่ มีการจัดโปรโมชั่นอย่างหนัก เริ่มตั้งแต่เมโกะ คลินิก ได้ต่อระยะเวลาแคมเปญเสริมจมูก เหลือ 99,900 บาท ปกติราคา 135,000 บาท จองได้ถึง 30 พฤศจิกายน ตามด้วยเนโกะ คลินิก จัดโปรโมชั่นเหมาจ่ายแบบเป็นเซต ๆ มีทั้งแบบให้เลือกเองได้และเลือกเองไม่ได้ เช่น สวย ครบ จบ เซต 4,999 บาท (จากปกติ 7,276 บาท)

โรงพยาบาลเลอลักษณ์ จัดโปรโมชั่นสำหรับศัลยกรรมหน้าอกและศัลยกรรมเสริมจมูก ลดราคา 50-70% ส่วนพฤกษาคลินิก ลดราคาคอร์สโปรแกรมลดเซลลูไลต์ 50% นิติพล คลินิก ลดราคาคอร์สโปรแกรม Nano Light 10-20% เหลือ 7,000 บาท จากราคาปกติ 9,000 บาท

และ THE KLINIQUE ส่งโปรโมชั่นลดราคา 50-70% ควบคู่กับจัดของแถมเข้ามาเป็นบริการเสริม เมื่อซื้อคอร์สที่ร่วมรายการ เช่น ซื้อคอร์สกำจัดขน 999 บาท แถมฟรีโปรแกรมมาสก์สิวมูลค่า 2,000 บาท เป็นต้น

ขณะที่โรงพยาบาลยันฮี จัดโปรโมชั่นทำสวยรับลมหนาว จัดโปรแกรมศัลยกรรมกว่า 10 รายการ ลดสูงสุดถึง 50% พร้อมจับมือกับบัตรเครดิตของธนาคารต่าง ๆ มีการจัดแคมเปญผ่อน 0% นาน 6 เดือน ตั้งแต่วันนี้-31 ธันวาคม 2563