“คาราบาว” เพิ่มดีกรีบุกต่างประเทศ ผงาดที่ 1 “พม่า-เขมร” ลุยเวียดนามปี’64

คาราบาวกรุ๊ปเดินหน้าบุกต่างประเทศต่อเนื่อง หนีตลาดในประเทศไม่หวือหวาเตรียมปักธงในเวียดนามปี’64 พร้อมหนุนคู่ค้าเต็มอัตราศึก เผยตลาดเมียนมา-กัมพูชา สุดเจ๋ง ก้าวขึ้นเบอร์ 1 ในตลาดได้สำเร็จ พร้อมเร่งควบคุมต้นทุน รับมือเศรษฐกิจเปราะบาง อุบไต๋ออกสินค้าใหม่รับกระแสสุขภาพ

นายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานกรรมการ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลัง คาราบาวแดง เครื่องดื่มวิตามินซีเข้มข้น วู้ดดี้ ซี+ ล็อค เป็นต้น เปิดเผยถึงแนวทางการดำเนินงานของบริษัท ในงาน opportunity day ว่า จากสถานการณ์ของตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศอยู่ในภาวะที่ไม่หวือหวามาระยะหนึ่ง

ที่ผ่านมาบริษัทได้ปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์การดำเนินงานด้วยการหันไปขยายตลาดในต่างประเทศมากขึ้น และปัจจุบันตลาดต่างประเทศยังมีแนวโน้มเติบโตที่ดี และถือเป็นตลาดที่สำคัญในอนาคตของคาราบาว ซึ่งปัจจุบันตลาดต่างประเทศมีสัดส่วนยอดขายพิ่มขึ้นเป็น 60% ขณะที่ในประเทศเหลือเพียง 40%

โดยเป้าหมายต่อไปของคาราบาวกรุ๊ป คือ การบุกตลาดเวียดนาม ซึ่งบริษัทจะเริ่มให้เร็วที่สุดเมื่อตลาดพร้อม โดยคาดว่าน่าจะเริ่มได้ภายในปี 2564 จากเดิมมีแผนจะเข้าไปทำตลาดในปี 2563 แต่ต้องเลื่อนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้น

“เรามั่นใจว่าสินค้าของเราสามารถไปได้ แต่บริษัทก็จะต้องมีการให้การสนับสนุนคู่ค้าในหลาย ๆ เรื่อง เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนจากผลกระทบของโควิด-19 ฉะนั้นคู่ค้าจึงมีความระมัดระวังเรื่องการลงทุน จึงเป็นหน้าที่ของเราที่จะเข้าไปสนับสนุนและผลักดัน การเข้าไปลงทุนในเวียดนามคือการซื้ออนาคต และต่อไปเวียดนามจะกลายเป็นตลาดสำคัญสำหรับเรา ขณะเดียวกัน คาราบาวยังมุ่งมั่นทำการตลาดในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วงชิงพื้นที่ในตลาดและก้าวเข้าสู่การเป็นแบรนด์ระดับโลก”

นายเสถียรกล่าวต่อไปว่า นอกจากการรุกตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศจีน ซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกเป็นรองเพียงประเทศสหรัฐอเมริกา บริษัทยังมีแผนจะเร่งขยายตลาดในกลุ่มประเทศ CLMV และเอเชีย ซึ่งที่ผ่านมาตลาดมีทิศทางดีขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะเมียนมาที่คาราบาวแดงสามารถเบียดแซงคู่แข่งขึ้นเป็นที่ 1 ได้สำเร็จ และยังคงความเป็น 1 ในประเทศกัมพูชา

ส่วนตลาดประเทศอังกฤษ ช่วงล็อกดาวน์ที่ผ่านมาสามารถทำยอดขายผ่านเว็บอเมซอนได้เยอะขึ้น และเป็นที่รู้จักมากขึ้นจากการทำการตลาดสร้างการรับรู้แบรนด์โดยเป็นสปอนเซอร์ให้ทีมฟุตบอลเชลซี อย่างไรก็ดี นับว่าตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศอังกฤษเป็นตลาดที่ไม่เติบโตตามเป้าหมาย แต่คาราบาวจะไม่ละทิ้งโอกาสและเดินหน้าขยายตลาดต่อไป

สำหรับตลาดในประเทศ จากสถานการณ์ของเครื่องดื่มชูกำลังที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องของกำลังซื้อ และบริษัทได้หันไปเน้นการทำตลาดฟังก์ชั่นนอลดริงก์มากขึ้น ด้วยการส่งวู้ดดี้ ซี+ ล็อค เครื่องดื่มวิตามินซีชอตเข้มข้น เพื่อตอบรับกระแสสุขภาพเติบโต พร้อมเล็งเพิ่มไลน์อัพสินค้าในกลุ่มวู้ดดี้ ซี+ ล็อค เพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค ซึ่งที่ผ่านมาวู้ดดี้ ซี+ ล็อค สามารถขยายส่วนแบ่งตลาดในไตรมาส 3/2563 ได้ถึง 9% ขึ้นเป็นอันดับ 3 ของตลาด แม้เพิ่งวางขายได้เพียงครึ่งปีเท่านั้น

นายเสถียรกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ในสภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงเปราะบาง บริษัทได้หันมาให้ความสำคัญกับการควบคุมต้นทุนอย่างต่อเนื่อง โดยหันมาใช้เทคโนโลยีการผลิตที่มีความรวดเร็วและความแม่นยำในการผลิตสูง ทำให้ประหยัดทั้งเรื่องแรงงานและความสูญเสียต่าง ๆ ที่อาจเกิดความผิดพลาดจากความไม่แม่นยำของเครื่อง โดยปีหน้าจะปรับลดการลงทุนเหลือเพียง 300 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนงานด้านเทคโนโลยีเพิ่มเติมเล็กน้อยเท่านั้น

“ปีที่ผ่านมาคาราบาวได้ลงทุน 700 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานผลิตและจัดหาบรรจุภัณฑ์ หรือ APM ที่ผลิตตั้งแต่กล่อง ลาเบล ฟิล์ม ป้ายฉลาก ฯลฯ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนได้ราว 1.5-2% ทั้งนี้ เงินส่วนต่างจากการลดต้นทุน เราจะนำไปแสวงหาโอกาสกับตลาดใหม่ ๆ และการลดต้นทุนจากภาษีน้ำตาล ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราเห็นความสำคัญและอยู่ในแผนธุรกิจ ซึ่งที่ผ่านมาเราได้ปรับและทดลองสินค้ามาแล้วระยะหนึ่ง แต่ยังไม่ได้ลอนซ์เข้าสู่ตลาด เนื่องจากต้องทำให้มั่นใจในเรื่องรสชาติก่อน”

นายพงศานติ์ คล่องวัฒนกิจ กรรมการบริหาร บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า นอกจากนโยบายการลดต้นทุนต่าง ๆ แล้ว บริษัทก็จะจะให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการขาย โดยจะเน้นไปที่การเพิ่มช่องทางการขายให้เหมาะสมกับสินค้าแต่ละตัว

เช่น วู้ดดี้ ซี+ ล็อค ผู้บริโภคส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ช่องทางการขายจึงเน้นไปทางโมเดิร์นเทรด มากกว่าเทรดิชั่นนอลเทรด นอกจากนี้ยังวิเคราะห์ทาร์เก็ตในแต่ละพื้นที่ โดยคำนึงถึงดีมานด์ต่อสินค้าที่แตกต่างกัน เพื่อส่งเครื่องดื่มแต่ละประเภทลงไปเจาะตลาดได้อย่างเหมาะสม


“9 เดือนที่ผ่านมา แม้จะมีปัจจัยลบจากเรื่องของเศรษฐกิจและการแพร่ระบาดโควิด-19 แต่ยอดขายในไตรมาส 3/2563 เพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วกว่า 18% ซึ่งมีปัจจัยหนุนมาจากความต้องการสินค้าในต่างประเทศที่สูงขึ้น ประกอบกับการรับจำหน่ายสินค้า อาทิ เหล้าข้าวหอม และบรั่นดีกาแล็กซี่ที่เป็นที่นิยมและติดตลาดมากขึ้น รวมไปถึงการเสริมทัพของผลิตภัณฑ์ใหม่ของวู้ดดี้ ซี+ ล็อค และการลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากแนวทางการดำเนินงานดังกล่าว คาดว่าในไตรมาส 4 จะเติบโตแบบดับเบิลดิจิต และหากโควิด-19 คลี่คลายลง การขยายตลาดในกลุ่ม CLMV ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของคาราบาวในอนาคตก็มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นมากแน่นอน” นายพงศานติ์กล่าว