“รมย์รวินท์” พลิกเกม ปลุกคลินิกความงาม

ขวัญฤทัย ดำรงค์วัฒนโภคิน

แม้ว่าทางการจะปลดล็อกให้บรรดาคลินิกความงามสามารถให้บริการลูกค้าได้เต็มรูปแบบ ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาแล้ว แต่จากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัวและกำลังซื้อในภาพรวมที่ยังไม่ดีนัก รวมถึงความกังวลในเรื่องของโควิด-19 เป็นแรงกดดันให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการของบรรดาคลินิกความงามยังมีไม่มากนัก อีกด้านหนึ่งก็ส่งผลให้ตลาดนี้การแข่งขันสูง ภาพการลด แลก แจก แถม การลดราคากระหน่ำ เพื่อดึงลูกค้าเข้าร้าน ล้วนมีความท้าทายต่อบรรดาธุรกิจความงามอย่างมาก

เช่นเดียวกับ “รมย์รวินท์” คลินิกความงามแบรนด์ดังที่อยู่ในตลาดมานานกว่า 18 ปี โดยที่ผ่านมาได้ปรับภาพลักษณ์ใหม่ ภายใต้สโลแกน “รมย์รวินท์สนับสนุนให้ผู้หญิงทุกคนสวย” จากเดิมที่มุ่งจับลูกค้าระดับพรีเมี่ยม แต่ปัจจุบันได้ปรับให้เป็นคลินิกที่เข้าถึงง่าย เพื่อขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่ม new gen ทั้งนักศึกษาและวัยทำงาน ระดับบี-บีบวก ขณะนี้เปิดให้บริการทั้งหมด 26 สาขา

“ขวัญฤทัย ดำรงค์วัฒนโภคิน” กรรมการผู้จัดการ บริษัท รมย์รวินท์ คลินิก จำกัด ฉายภาพกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จากวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม รมย์รวินท์ คลินิก ปิดให้บริการไปราวเกือบ ๆ 2 เดือน ส่งผลให้รายได้ในส่วนของการให้บริการหน้าร้านหายไป จึงปรับตัวด้วยการให้พนักงานหน้าร้านมาขายผลิตภัณฑ์ ภายใต้แบรนด์รมย์รวินท์ ผ่านช่องแพลตฟอร์มเฟซบุ๊ก และเว็บไซต์เพื่อหารายได้ทดแทนในช่วงปิดตัว แต่ถือว่ายังเป็นสัดส่วนที่น้อย เมื่อเทียบกับรายได้ในช่วงปกติ

ขณะเดียวกัน หลังจากภาครัฐปลดล็อกให้คลินิกความงามกลับมาให้บริการได้อย่างเต็มรูปแบบ ตอนนี้สถานการณ์เริ่มดีขึ้น แต่ในแง่ของลูกค้ายังไม่กลับมาถึง 100% โดยลูกค้าที่กลับมาใช้บริการส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มเดิม และจะเน้นการซื้อคอร์สราคาประหยัด จากเดิมที่เคยจองในราคาหลักหมื่นบาท ลดลงมาเหลือหลักพันบาท

ส่งผลให้ภาพรวมของรายได้ลดลง หลัก ๆ มาจากพฤติกรรมของลูกค้าที่มีกำลังซื้อลดลงและระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น

อีกทั้งยังต้องเผชิญกับการแข่งขันสูงในภาวะที่ภาพรวมตลาดคลินิกความงามมูลค่า 30,000 ล้านบาท ยังชะลอตัว และอีกด้านยังมีภาพความเคลื่อนไหวของแบรนด์ใหม่ ๆ กระโดดเข้ามาในตลาดอยู่เป็นระยะ ๆ และมาเน้นการลด แลก แจก แถม ซึ่งอาจสามารถกระตุ้นยอดขายได้จริง แต่ก็เพียงช่วงเดียวเท่านั้น พอไม่มีงบฯไปอัดฉีดแบบนั้น ลูกค้าก็ไม่กลับมาใช้บริการ ทำให้ต้องมีแบรนด์ที่ออกจากตลาดไปด้วยเช่นกัน

สำหรับ รมย์รวินท์ คลินิก ถือเป็นปีที่มีความท้าทายอีกปีหนึ่งที่ต้องพยายามผลักดันให้ธุรกิจเติบโตตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นการทำโปรโมชั่น การปรับตัวไปหาฐานลูกค้าใหม่ ๆ โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น การทำภาพลักษณ์แบรนด์ให้ทันสมัย พรีเมี่ยมแต่จับต้องได้ง่ายขึ้น และเป็นคลินิกที่ผู้บริโภคให้ความไว้วางใจในเรื่องของคุณภาพ

“ขวัญฤทัย” ยังเล่าถึงกลยุทธ์และทิศทางการดำเนินงานในปี 2564 รมย์รวินท์ คลินิก มีการปรับลดค่าใช้จ่ายส่วนต่าง ๆ ให้ละเอียดและรอบคอบมากขึ้น แต่จะไม่ลดคุณภาพของสินค้าและบริการ และยังต้องทำโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดขาย โดยโปรโมชั่นจะเปลี่ยนไปตามกระแสนิยมในแต่ละช่วง

อาทิ ซื้อคอร์สลดไขมันส่วนเกิน ราคา 9,900 บาทต่อหนีบ ซื้อ 10 หนีบ รับฟรี voucher 50,000 บาท โดยที่ผ่านมาได้จัดส่วนลดในแคมเปญ 11.11 และเตรียมจัดในทุกเทศกาลวันสำคัญเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า

ตลอดจนการชูจุดเด่นด้านบุคลากรทางการแพทย์ที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านและนวัตกรรมทางความงามที่ทันสมัย หันมาโฟกัสโปรแกรมกระชับสัดส่วน ตามด้วยโปรแกรมทรีตเมนต์ดูแลผิวหน้า และโปรแกรมซูเปอร์สลิม พร้อมกันนี้ยังพัฒนาการบริการและการสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์

และสิ่งสำคัญก็คือการรักษามาตรฐานในการบริการและคุณภาพ พร้อม ๆ กับการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาอยู่ตลอด ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ทำให้ลูกค้าช่วยบอกต่อ เป็นกลยุทธ์ปากต่อปากแบบไม่ต้องจ้างใครรีวิว และจะสร้างความน่าเชื่อถือได้มากกว่า และยังทำให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการที่คลินิกอีกครั้ง พร้อมเปิดโอกาสเข้าไปร่วมกับพาร์ตเนอร์รายอื่น ๆ อาทิ บางกอกสไมล์ เด็นทัล คลินิก ซึ่งมีทาร์เก็ตกลุ่มเดียวกัน มาสร้างแคมเปญร่วมกัน

ด้านการขยายสาขา กรรมการผู้จัดการ บริษัท รมย์รวินท์ฯ ระบุว่า จากนี้ไปอาจมีการเปิดสาขาในรูปแบบสแตนด์อะโลนมากขึ้น ขึ้นอยู่กับพื้นที่ ถ้ามีคนเสนอพื้นที่ที่ดีและตอบโจทย์ก็อาจเปิดได้ ต้องรอดูภายในปีหน้า ส่วนตลาดต่างประเทศยังไม่พร้อมเข้าไปสร้างการเติบโต เพราะการขยายสาขาไปต่างประเทศมีปัจจัยหลายด้าน ทั้งในแง่ของกฎหมายและแรงงานเข้ามาเกี่ยวข้อง


อย่างไรก็ตาม เมื่อไหร่ก็ตามที่มีวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ออกมา มองว่าจะทำให้ผู้คนกล้าออกมารับบริการที่คลินิกหรือพื้นที่สาธารณะมากขึ้น รวมถึงภาคการท่องเที่ยวและการโรงแรมจะฟื้นตัวดีขึ้น กลุ่มคนตกงานจะน้อยลง เป็นผลให้เศรษฐกิจขยายตัวและกำลังซื้อของคนมากขึ้นตามไปด้วย และจะเป็นผลดีต่อธุรกิจความงามด้วยเช่นกัน