ร้านกาแฟจีนระอุรอบใหม่ “แมคคาเฟ่” ท้าชน “สตาร์บัคส์”

แมคคาเฟ่

ในช่วงโค้งท้ายของปี 2563 นี้ ตลาดร้านกาแฟในประเทศจีนมีทีท่าว่าจะกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง

หลัง “แมคโดนัลด์” เบอร์ 1 จากวงการฟาสต์ฟู้ดตัดสินใจทุ่มงบฯก้อนใหญ่เร่งสปีดการขยายสาขา “แมคคาเฟ่” ให้ขึ้นมาเป็นผู้ท้าชิงอีกรายในตลาดร้านกาแฟของประเทศจีน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ยักษ์ฟาสต์ฟู้ดประกาศทุ่มงบฯ 2.5 พันล้านหยวน หรือประมาณ 1.15 หมื่นล้านบาท ในช่วงเวลา 3 ปีข้างหน้า เพื่อขยายสาขาแมคคาเฟ่ให้ครบ 4,000 สาขา ภายในปี 2566 หลังจากฉลองครบ 1,000 สาขาไปเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และสิ้นปี 2563 นี้ จะมีสาขาครบ 1,500 สาขา

เท่ากับว่าตั้งแต่ปีหน้าแมคโดนัลด์จะต้องเดินหน้าปูพรมแมคคาเฟ่อย่างน้อยปีละ 833 สาขา ทั้งในร้านแมคโดนัลด์ที่เปิดไปแล้ว และกำลังจะเปิดหลังจากนี้ไป

นอกจากนี้ เพื่อให้ได้จำนวนสาขาตามเป้าที่วางไว้ แมคโดนัลด์ได้ปรับยุทธศาสตร์การขยายสาขาใหม่ ด้วยการยกเลิกแนวทางมุ่งเปิดสาขาเฉพาะในเมืองใหญ่กำลังซื้อสูง อย่างปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว และเสิ่นเจิ้น ที่ใช้มานานกว่า 11 ปี

เนื่องจากเป็นสาเหตุที่ทำให้ช่วงทศวรรษที่ผ่านมาแมคคาเฟ่สามารถขยายสาขาในจีนเพียง 1,000 สาขาเท่านั้น แม้จะเปิดร้านแมคโดนัลด์ไปถึง 3,600 สาขาแล้ว เท่ากับว่าร้านแมคโดนัลด์ที่มีแมคคาเฟ่มีจำนวนไม่ถึงครึ่งของสาขาทั้งหมดในจีน ซึ่งในจำนวน 1,000 สาขานี้ นับว่าเชื่องช้ามากเมื่อเทียบกับสตาร์บัคส์ ที่สามารถขยายสาขาได้ถึง 4,700 สาขาในเวลา 20 ปี

โดยตามยุทธศาสตร์ใหม่นั้น จะหันมาเดินหน้าผุดสาขาในเมืองขนาดเล็กให้มากขึ้นเพื่อเพิ่มความคล่องตัว และโฟกัสจุดขายด้านราคาเฉลี่ยไม่เกินแก้วละ 20 หยวน บริการดีลิเวอรี่รวมถึงเมนูขนมต่าง ๆ พร้อมตั้งเป้าขยายสาขาตามแนวทางใหม่นี้เพิ่มอีก 500 สาขาภายในสิ้นปี 2563

ด้าน “ฟิลลิส จาง” ซีอีโอของแมคโดนัลด์ ประเทศจีน ย้ำว่าหลังจากนี้ร้านแมคโดนัลด์ทุกสาขาในจีนจะต้องมีแมคคาเฟ่ เพราะตลาดกาแฟในจีนเติบโตรวดเร็วมาก และผู้บริโภคที่สนใจดื่มกาแฟก็เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย

สอดคล้องกับข้อมูลของบริษัทวิจัยฟรอสต์แอนด์ซัลลิแวนที่ประเมินว่า ตลาดกาแฟในประเทศจีนจะเติบโตขึ้นอีก 3 เท่าจาก 5.69 หมื่นล้านหยวนเมื่อปี 2018 เป็น 1.8 แสนล้านหยวนในปี 2566 ในขณะที่ปริมาณการบริโภคกาแฟจะเพิ่มขึ้น 2 เท่า เป็น 1.55 หมื่นล้านแก้วต่อปีในช่วงเวลาเดียวกัน

ทั้งนี้ แม้กาแฟสำเร็จรูปจะยังเป็นตัวเลือกหลักของชาวจีนด้วยสัดส่วนถึง 75% ของตลาดรวม แต่กาแฟสดซึ่งมีสัดส่วน 18% เป็นกลุ่มที่เติบโตรวดเร็วที่สุด และคาดว่าจะรักษาโมเมนตัมการเติบโตนี้ต่อไปอีกหลายปี เป็นผลจากการขยายตัวของจำนวนชนชั้นกลาง และความสนใจดื่มกาแฟของผู้บริโภครุ่นใหม่

ด้านการแข่งขันนั้น สตาร์บัคส์ยังคงครองตำแหน่งเจ้าตลาด โดยวางโพซิชั่นเป็นแบรนด์พรีเมี่ยมมีระดับราคาเฉลี่ยประมาณ 30 หยวนต่อแก้ว พร้อมกับเดินหน้าขยายสาขาต่อเนื่อง โดยไตรมาสที่ผ่านมาเปิดสาขาใหม่ไปถึง 259 สาขา

ด้านลัคอินคอฟฟี่ เชนร้านกาแฟดาวรุ่งสัญชาติจีนนั้น แม้จะสามารถขยายสาขาแซงสตาร์บัคส์ได้ แต่หลังถูกเปิดโปงเรื่องการตกแต่งบัญชียอดขายเมื่อเดือนเมษายน ทำให้ต้องปรับกลยุทธ์เน้นรักษากระแสเงินสดด้วยการปิดสาขาที่ไม่ทำกำไรไปจำนวนหนึ่ง และคาดว่าปัจจุบันเหลือสาขาประมาณ 4,000 สาขา

ส่วนแมคคาเฟ่ที่วางระดับราคากาแฟประมาณ 20 หยวนต่อแก้ว อยู่ในระดับกลาง โดยมีคู่แข่งอย่างเคเอฟซีคู่แข่งตลอดกาลจากวงการฟาสต์ฟู้ด และทิมฮอร์ตันส์ร้านกาแฟสัญชาติแคนาดา โดยทั้ง 2 รายต่างเริ่มเร่งเครื่องขยายสาขาในแดนมังกรในช่วงนี้ด้วยเช่นกัน


นี่คือต้นเหตุที่ทำให้ตลาดร้านกาแฟในประเทศจีนส่อแววกลับมาดุเดือดอีกครั้งในปีหน้า