“เป๊ปซี่”เปลี่ยนทิศลดลงทุน เปิดทาง”ซันโทรี”ถือหุ้นใหญ่

ยักษ์น้ำดำโลก “เป๊ปซี่” ลดการลงทุนตลาดเมืองไทย ซุ่มเจรจาขายหุ้น “เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง” 51% ให้เครื่องดื่มรายใหญ่จากญี่ปุ่น เผย “ซันโทรี” กุมอำนาจทั้งการทำตลาด-การผลิต วงในเผยเตรียมประกาศดีลร่วมทุนในเร็ว ๆ นี้

หลังจาก “ซันโทรี” ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และน็อนแอลกอฮอล์รายใหญ่ของญี่ปุ่น ได้บรรลุข้อตกลงเข้าซื้อโรงงานการผลิตเครื่องดื่มของเป๊ปซี่ 2 แห่ง เมื่อช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จากบริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล รีเฟรชเมนท์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งมีบริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด ถือหุ้น 100% ขณะนี้เป๊ปซี่มีความเคลื่อนไหวในการขายหุ้นในประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง

ลดการถือหุ้นเป๊ปซี่-โคล่า (ไทย)

แหล่งข่าวระดับสูงจากวงการน้ำดำ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ล่าสุดซันโทรีได้ตกลงจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับเป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง คาดว่าจะเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท เป๊ปซี่ ซันโทรี (ประเทศไทย) จำกัด โดยซันโทรีจะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 51% และเป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) ถือหุ้น 49% เพื่อทำการตลาดและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มต่าง ๆ ของเป๊ปซี่ และขณะนี้ซันโทรีได้เริ่มทยอยเข้ามาดูแลกิจการเบ็ดเสร็จ ทั้งด้านการผลิตและการทำตลาด การจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของเป๊ปซี่ทั้งหมด

นอกจากนี้ ซันโทรีก็จะรับโอนพนักงานของเป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง เข้าร่วมงาน และบริษัทร่วมทุนใหม่จะยังคงใช้ดิสทริบิวเตอร์ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายที่มีประมาณ 23 รายทั่วประเทศ เป็นช่องทางในการกระจายสินค้าเช่นเดิม

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” ได้สอบถามเรื่องดังกล่าวไปยังบริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด และได้รับคำชี้แจงสั้น ๆ ว่า “ไม่สามารถจะให้รายละเอียดเรื่องนี้ได้”

ทยอยลดการลงทุนในไทย

แหล่งข่าวยังวิเคราะห์ต่อไปอีกว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นการส่งสัญญาณของเป๊ปซี่ที่มีนโยบายจะค่อย ๆ ลดการลงทุนจากตลาดเมืองไทย หลังจากเป๊ปซี่สิ้นสุดสัญญากับบริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 2555 ก็ได้ทุ่มงบฯลงทุนมากกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท เพื่อซื้อโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ระยอง จากซานมิเกล และสร้างโรงงานแห่งใหม่ที่จังหวัดสระบุรี ส่วนการกระจายสินค้า เป๊ปซี่ได้จับมือกับดีเอชแอล รวมทั้งจับมือผู้กระจายสินค้าท้องถิ่น ให้เป็นผู้กระจายสินค้า

“จากนี้ไปรายได้ของเป๊ปซี่จะมาจากค่าแฟรนไชส์และค่าหัวเชื้อที่นำมาผลิตเป็นหลัก คาดว่าทั้ง 2 ฝ่ายเตรียมประกาศดีลร่วมทุนและทิศทางการดำเนินงานในเร็ว ๆ นี้”

แหล่งข่าวให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า ที่ผ่านมาซันโทรีมีนโยบายจะขยายการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนมาก หลังจากเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซันโทรีได้ควบรวมกิจการกับบริษัทเซเรบอส เจ้าของเครื่องดื่มซุปไก่สกัด-รังนก “แบรนด์” จัดตั้งบริษัท แบรนด์ ซันโทรี (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แบรนด์ซุปไก่สกัดและรังนก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากเป๊ปซี่และซันโทรีจะเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในญี่ปุ่นแล้ว เมื่อปี 2556 ที่ผ่านมา เป๊ปซี่ยังขยายความร่วมมือดังกล่าวมายังตลาดเวียดนาม ด้วยการตั้งบริษัทร่วมทุน ชื่อบริษัท ซันโทรี เป๊ปซี่ โค เวียดนาม เบฟเวอเรจ จำกัด เพื่อผลิตเครื่องดื่มของเป๊ปซี่ โดยซันโทรี่ โฮลดิ้งส์ ถือหุ้น 51% และเป๊ปซี่ โค ถือหุ้น 49% โดยเป๊ปซี่จะรับผิดชอบในด้านมาร์เก็ตติ้งและนวัตกรรมของสินค้า ขณะที่ซันโทรี่รับผิดชอบด้านการผลิต

รุกเพิ่มมาร์เก็ตแชร์โมเดิร์นเทรด

แหล่งข่าวจากวงการค้าปลีก กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง มีการเร่งทำตลาดค่อนข้างเข้มข้น โดยเฉพาะในช่องทางที่เป็นค้าปลีกรายใหญ่ ที่ขณะนี้อยู่ในช่วงของการต่อสัญญาใหม่ ตอนนี้ไม่ว่าโมเดิร์นเทรด ทั้งเทสโก้ โลตัส หรือบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ เสนออะไรมา เป๊ปซี่ก็ยอมหมด โดยไม่มีการต่อรองเลย จากปกติจะต้องมีการต่อรองกันบ้าง โดยเฉพาะเรื่องของค่าใช้จ่าย มีความเป็นไปได้ว่า เป๊ปซี่ต้องการจะทวงคืนมาร์เก็ตแชร์ในส่วนของช่องทางโมเดิร์นเทรดกลับคืนมา หรือพยายามเพิ่มยอดขายในช่องทางนี้ให้มากขึ้น

ขณะที่แหล่งข่าวจากธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้า กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า รูปแบบการจัดจำหน่ายสินค้าของเป๊ปซี่ในปัจจุบัน 2 รูปแบบ คือจัดจำหน่ายเองในช่องทางโมเดิร์นเทรด ขณะที่ในร้านค้าโลคอล ร้านยี่ปั๊วซาปั๊ว หรือร้านอาหารรายย่อย จะขายผ่านศูนย์จัดจำหน่ายสินค้าของพาร์ตเนอร์ในแต่ละพื้นที่ ซึ่งมีอยู่มากกว่า 10 แห่งทั่วประเทศ และคาดว่าแม้จะมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่เข้ามา เป๊ปซี่ก็จะยังต้องขายผ่านดิสทริบิวเตอร์เหมือนเดิม ซึ่งโมเดลนี้ก็เป็นโมเดลที่ประสบความสำเร็จในเวียดนาม”

“หากซันโทรีดึงการจัดจำหน่ายไปทำเองทั้งหมดจะเป็นเรื่องค่อนข้างยากและท้าทาย เพราะจะมีต้นทุนในการบริหารจัดการที่สูงขึ้น และอาจจะไม่สามารถเข้าถึงร้านค้ารายย่อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อเทียบกับการจัดจำหน่ายผ่านพาร์ตเนอร์ที่มีความชำนาญพื้นที่มากกว่า” แหล่งข่าวกล่าว