ค้าปลีกอังกฤษเข้มสกัดโควิด เพิ่มทีม รปภ.-แบนลูกค้าไม่ใส่แมสก์

ค้าปลีกอังกฤษเข้มสกัดโควิด1

ปัจจุบันสหราชอาณาจักรเป็นหนึ่งในประเทศที่กำลังเผชิญกับการระบาดของโรคโควิด-19 รอบใหม่ในระดับหนักหน่วง และแม้จะเริ่มกระบวนการฉีดวัคซีนไปแล้ว และใช้มาตรการล็อกดาวน์เป็นครั้งที่ 3 แต่สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นนัก โดยช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีผู้ติดเชื้อรายใหม่ถึงวันละ 4.5 หมื่นคน และมีผู้เสียชีวิตกว่า 1 พันคนในเพียงวันเดียว

สถานการณ์นี้บีบให้ผู้ค้าปลีกรายใหญ่ในอังกฤษ ทั้งเทสโก้, เอเอสดีเอ, อัลดิ, มอริสัน และไวโทส พร้อมใจกันตัดสินใจประกาศมาตรการให้เด็ดขาด ห้ามลูกค้าที่ไม่ใส่หน้ากากเข้าร้าน รวมถึงเพิ่มเติมข้อกำหนดอื่น ๆ พร้อมกับเพิ่มทีมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพื่อบังคับใช้มาตรการต่าง ๆ แบบเข้มข้น ต่างจากที่ผ่านมาที่ยังมีการอะลุ่มอล่วยให้สามารถเข้าใช้บริการได้บ้าง

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า การตัดสินใจอย่างพร้อมเพรียงของผู้ค้าปลีกรายใหญ่ในเกาะอังกฤษครั้งนี้เป็นผลจากสถานการณ์การระบาดที่ยังย่ำแย่ และจำนวนผู้ใช้บริการที่ล้นทะลัก เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์ทำให้ร้านค้า ร้านอาหาร รวมถึงผับบาร์จำนวนมากต้องปิดชั่วคราว จนดีมานด์ทั้งหมดมารวมกันที่ซูเปอร์มาร์เก็ตของบรรดาผู้ค้าปลีกรายใหญ่

“เทสโก้” ผู้ค้าปลีกรายใหญ่ของอังกฤษระบุในแถลงการณ์ว่า ตามมาตรการใหม่นี้ลูกค้าที่ปฏิเสธไม่ยอมสวมหน้ากากอนามัย หรืออุปกรณ์ป้องกันอื่น ๆ จะไม่สามารถเข้าใช้บริการได้ ยกเว้นจะเข้าข้อยกเว้นตามที่รัฐบาลกำหนด เช่น มีอาการเจ็บป่วยในบางโรค

นอกจากนี้ ยังจำกัดจำนวนผู้ใช้บริการด้วยการให้ลูกค้าเข้าใช้บริการเพียงคนเดียวต่อครอบครัว ยกเว้นผู้ปกครองที่มากับเด็กเล็ก หรือผู้สูงวัยที่ต้องมีคนดูแล พร้อมกันนี้ได้เพิ่มจำนวนพนักงานรักษาความปลอดภัยในทุกสาขาเพื่อความเรียบร้อย

“มาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อความปลอดภัยของทั้งลูกค้าและพนักงาน โดยบริษัทมีหน้ากากฟรีแจกให้กับลูกค้าที่ไม่ได้นำหน้ากากมาอยู่แล้ว จึงต้องของดให้บริการกับผู้ที่ปฏิเสธไม่สวมหน้ากาก”

ไปในทิศทางเดียวกับเซนส์บูรีส์ที่จัดทีมพนักงานรักษาความปลอดภัยมาดูแลพื้นที่บริเวณทางเข้าออกของสาขา เพื่อรับมือกับลูกค้าที่ไม่ยอมสวมหน้ากาก หรือพยายามเข้าร้านเป็นกลุ่ม

โดย “ไซมอน โรเบิร์ต” ซีอีโอของเซนส์บูรีส์อธิบายว่า บริษัทได้จับตาเทรนด์การใช้บริการของลูกค้าในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา พบว่ายังมีลูกค้าบางรายเข้ามาใช้บริการโดยไม่สวมหน้ากาก ทำให้ลูกค้ารายอื่นรวมถึงพนักงานเสี่ยงกับการติดโรค จึงต้องเพิ่มความเข้มข้นของมาตรการขึ้น

ด้านเอเอสดีเอระบุว่า ได้เพิ่มเจ้าหน้าที่อีก 1,000 คนมาดูแลด้านมาตรการสวมหน้ากากและเว้นระยะห่างร่วมกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในสาขาต่าง ๆ ตั้งแต่เดือนกันยายน 2563 ที่ผ่านมา โดยหากลูกค้าลืมนำหน้ากากทางบริษัทจะแจกให้ฟรีอยู่แล้ว แต่กรณีที่ปฏิเสธการใส่โดยไม่มีข้อยกเว้นทางการแพทย์ จะถูกห้ามเข้าหรือเชิญออกจากร้าน

ส่วนมอริสัน และไวโทสย้ำชัดเจนว่า ขณะนี้การส่วมหน้ากากเป็นเงื่อนไขหนึ่งในการเข้าใช้บริการของทาง 2 แบรนด์ และพร้อมบังคับใช้อย่างเต็มที่

ทั้งนี้ นอกจากประเด็นเรื่องความปลอดภัยแล้ว การกดดันของรัฐบาลอาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งของการยกระดับมาตรการในครั้งนี้ โดยเมื่อต้นสัปดาห์ “นาดิม ซาฮาวี” รัฐมนตรีผู้ดูแลการจัดหา-กระจายวัคซีนของรัฐบาลอังกฤษ แถลงข่าวในทำนองว่า ผู้ค้าปลีกในอังกฤษอาจยังไม่บังคับใช้มาตรการสกัดการแพร่ระบาดอย่างจริงจังมากพอ

หลังจากนี้ ต้องจับตาดูว่าแผนบังคับใช้มาตรการควบคุมโรคอย่างจริงจังเหล่านี้จะได้ผลมากน้อยเพียงใด