แผนลงทุน “มินิบิ๊กซี” โฉมใหม่ ขยายDCสปีดสาขา-ยันแท็กทีม “บางจาก”

มินิบิ๊กซีส่งโมเดลใหม่รับพฤติกรรมผู้บริโภค-สู้ศึกสะดวกซื้อ เดินหน้าผุดสาขาอีสาน-ตะวันออก ผนึก “บางจาก” เดินหน้าเปิดสาขาใหม่ร่วมกันไม่หยุด พร้อมทุ่มงบฯขยายดีซีรองรับ 1,500 สาขา เปิดเงื่อนไขแฟรนไชส์แบบใหม่เร้าใจ-เข้าถึงง่ายขึ้น

การแข่งขันของตลาด “คอนวีเนี่ยนสโตร์” เข้มข้นไม่หยุด ไม่เพียงการขยายสาขาในวงกว้างที่ต้องเร่งปักธงยึดทำเลเอาไว้ก่อนคู่แข่ง การเติมเต็มสินค้าและบริการเพื่อสอดรับกับไลฟ์สไตล์ลูกค้าก็สำคัญไม่แพ้กัน เช่นเดียวกับการขยับทัพรอบใหม่ของร้านสะดวกซื้อ “มินิบิ๊กซี” ที่เริ่มลอนช์โมเดลใหม่ในสาขาใหม่ที่ทยอยเปิดให้บริการ

นอกจากความทันสมัยและหลากหลายของสินค้าครบตามดีมานด์ของลูกค้า โฉมใหม่ค่อนข้างยืดหยุ่นตามความเหมาะสมของพื้นที่ การนำร้านขายยาเพรียว ร้านกาแฟปากซอง หรือร้านหนังสือเอเซียบุ๊ค มาเปิดในพื้นที่เดียวกันกับมินิบิ๊กซี ก็กลายเป็นโอกาสในอนาคต ถ้าโลเกชั่นได้ พื้นที่ได้ และมีขนาดใหญ่เพียงพอ

โฉมใหม่…โมเดลใหม่

ดร.อนุพงษ์ เครืองาม ผู้ช่วยรองประธานฝ่ายปฏิบัติการ มินิบิ๊กซี บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ในกลุ่มบริษัทบีเจซี ผู้บริหารร้านสะดวกซื้อ “มินิบิ๊กซี” กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า มินิบิ๊กซีจะเดินหน้าพัฒนาร้านโมเดลใหม่ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคมากขึ้น ล่าสุดทยอยเปิดร้านภายใต้โมเดล “นิว บลูพริ้นต์” โดยจะปรับเปลี่ยนรูปแบบร้านให้ทันสมัย ปรับพื้นที่ร้านให้ตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น เช่น สีสันร้านสดใสทันสมัย จัดพื้นที่ให้หยิบสินค้าง่ายขึ้น ชำระเงินที่เคาน์เตอร์ได้สะดวกขึ้น เพิ่มมินิบาร์ให้นั่ง มีเคาน์เตอร์บริการเครื่องดื่ม-กาแฟ ฯลฯ เริ่มแล้วในสาขาย่านบางบัวทอง สาขาในภาคตะวันออกซึ่งนิวบลูพริ้นต์จะเป็นโมเดลหลักสำหรับขยายสาขาใหม่ ๆ จากนี้ และจะทยอยรีโนเวตร้านเดิมให้เป็นร้านรูปแบบใหม่ ขณะที่ในย่านศูนย์กลางธุรกิจหรือซีบีดีจะไปในรูปแบบกึ่งพรีเมี่ยมเหมือนที่สาขาซอยประชุม ที่มีรูปลักษณ์พรีเมี่ยม มีแบรนด์สินค้าหลากหลาย มีเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์มากขึ้น

“โมเดลเราค่อนข้างยืดหยุ่นตามความเหมาะสมของพื้นที่ อย่างการนำร้านขายยาเพรียว ร้านกาแฟปากซอง หรือร้านหนังสือเอเซียบุ๊คส์มาเปิดในพื้นที่เดียวกันกับมินิบิ๊กซีก็มีโอกาสเห็นในอนาคต ถ้าโลเกชั่นนั้นแมตช์กับโมเดล ได้พื้นที่สเกลใหญ่มา”

ปูพรมเร่ง “มินิบิ๊กซี”

พร้อมกันนี้ผู้บริหารบิ๊กซีขยายความว่า แนวทางการลงทุนบริษัทเดินหน้ารุกขยายสาขาเพื่อเข้าถึงลูกค้าให้มากขึ้น โดยมีแผนเปิดร้านใหม่อย่างน้อย 200 สาขาต่อปี จากปัจจุบันที่มีกว่า 570 สาขา ส่วนใหญ่ประมาณ 60% อยู่ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ซึ่งจะขยายสาขาในต่างจังหวัดให้มากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่หลักในภาคอีสาน เช่น นครราชสีมา, ขอนแก่น, อุดรธานี และภาคตะวันออก เช่น ชลบุรี, ระยอง, ฉะเชิงเทรา

ทั้งนี้ ทำเลหลักในการขยายจะไปใน 5 พื้นที่สำคัญ ได้แก่ พื้นที่ชุมชน-ที่อยู่อาศัย, เมืองท่องเที่ยว, พื้นที่ตลาด, ย่านโรงเรียน มหาวิทยาลัย และบริเวณออฟฟิศ-โรงพยาบาล รับพฤติกรรมคนที่นิยมซื้อของใกล้บ้านมากขึ้น ซึ่งในแต่ละพื้นที่จะจัดกลุ่มสินค้าให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

ผนึก “บางจาก” ผุดสาขาไม่หยุด

สำหรับในปั๊มน้ำมันที่มีสาขาประมาณ 140 สาขา ส่วนใหญ่อยู่ในปั๊มบางจากที่ปัจจุบันนี้ยังทำงานร่วมกันต่อเนื่อง ซึ่งในทำเลถนนสายหลัก เส้นทางสัญจร ไฮเวย์ ยังเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมกับโมเดลร้านของมินิบิ๊กซีที่จะไปในไซซ์ 100 ตารางเมตรขึ้นไป ขณะที่ในปั๊มที่มีพื้นที่ใหญ่ อยู่ใกล้ชุมชน อาจจะเหมาะกับโมเดลของสพาร์ (SPAR) ร้านสะดวกซื้อกึ่งมินิซูเปอร์มาร์เก็ตที่บางจากได้สิทธิ์แฟรนไชส์จากเนเธอร์แลนด์มากกว่า

“มินิบิ๊กซียังมีศักยภาพในการขยาย แต่ตอนนี้ยังไม่ได้เปิดสาขาเพิ่มในบางจากเพราะทำเลที่เข้ามายังไม่แมตช์กับมินิบิ๊กซี ซึ่งการที่ปรับเปลี่ยนรูปแบบการขยาย ไม่ได้ไปในลักษณะเอ็กซ์คลูซีฟกับบางจากตั้งแต่ปีที่ผ่านมาก็ทำให้มินิบิ๊กซีสามารถขยายสาขาในปั๊มอื่น ๆ ได้มากขึ้น เช่น ไปเปิดในคาลเท็กซ์ เอสโซ่ เชลล์”

สูตรใหม่แฟรนไชส์ลงทุนง่ายขึ้น

นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างพัฒนาโมเดลแฟรนไชส์รูปแบบใหม่ ๆ ที่จะเพิ่มทางเลือกให้นักลงทุน ช่วยให้การขยายสาขาต่อจากนี้ไปได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เช่น เป็นโมเดลที่ใช้เงินลงทุนน้อยลงจากปัจจุบันที่ใช้งบฯลงทุนในการเปิดราว 3-6 ล้านต่อสาขา ซึ่งอาจได้เห็นในช่วงปลายปี 2561 ดังนั้นเพื่อรองรับการขยายตัวในช่วง 5 ปีจากนี้ ล่าสุดลงทุนขยายศูนย์กระจายสินค้าของมินิบิ๊กซีที่ธัญบุรี สามารถรองรับการขยายสาขาใหม่ได้อีก 1,500 สาขา คาดว่าจะแล้วเสร็จและใช้งานได้กลางธันวาคมนี้

“นอกจากรักษาความแข็งแกร่งในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ต่อจากนี้จะให้ความสำคัญกับการพัฒนากลุ่มอาหารพร้อมทาน เพิ่มความหลากหลายของสินค้าให้มากขึ้นจากตอนนี้ที่มีสินค้ากว่า 100 รายการ ด้วยการทำงานร่วมกับบีเจซีซึ่งมีครัวกลางในการพัฒนาสินค้าของตัวเอง ควบคู่กับมีสินค้าจากแบรนด์ต่าง ๆ เข้ามาเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค”

ขณะที่รูปแบบกิจกรรมในมินิบิ๊กซีจะทำกับกลุ่มสินค้าที่แตกต่างจากไฮเปอร์มาร์เก็ต เช่น จับคู่คอมโบอาหารพร้อมทาน ซื้อเป็นคู่ถูกกว่า หรือร่วมแคมเปญบิ๊กการ์ด 1 บาทเท่ากับ 1 คะแนนสะสมแลกของรางวัลใหญ่ ที่ผลตอบรับดีขึ้นเรื่อย ๆ มีคนเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกต่อเนื่อง ขณะนี้มีลูกค้ามินิบิ๊กซี 20-30% ที่เป็นสมาชิกบิ๊กการ์ด

ปลุกสีสันต่อเนื่อง

นางวิภาดา ดวงรัตน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ห้างค้าปลีกในกลุ่มบีเจซี กล่าวว่า บิ๊กซีฉลองเทศกาล “กินเจอิ่มใจ สดใหม่ที่บิ๊กซี” เพิ่มทางเลือกให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค ทั้งรายการอาหารที่มีความหลากหลาย คุณภาพอาหารเจที่สดใหม่ทุกวัน ราคาประหยัด รวมถึงอาหารปรุงสำเร็จที่เป็นอาหารเจมาให้บริการกว่า 900 รายการ โดยคาดการณ์ว่ายอดขายในเทศกาลกินเจจะเติบโตมากกว่า 15% และพิเศษในปีนี้ บิ๊กซีได้จัดเตรียมจุดจำหน่ายอาหารพร้อมทานในบริเวณศูนย์อาหารให้กับผู้บริโภคมากกว่า 20 เมนู เช่น ผัดผักสี่เซียน แกงพะแนงเจ แกงขี้เหล็กเจ แกงเผ็ดเป็ดย่างเจ ต้มกะหล่ำปลีเจ อีกด้วย โดยมีราคาเริ่มต้นเพียง 10 บาท คาดว่าเทศกาลกินเจจะคึกคักมากกว่าปีที่ผ่านมา เพราะคนไทยที่ต้องการรับประทานอาหารเจเพื่อทำความดีถวายเพื่อพ่อหลวง

สำหรับรายการสินค้าเจในปีนี้ ทางบิ๊กซีได้จัดเตรียมคัดเลือกสินค้าคุณภาพมาให้บริการ ซึ่งลูกค้าสามารถมั่นใจได้ในคุณภาพ ความสดใหม่ และความหลากหลายของสินค้า โดยบิ๊กซีได้จัดรายการ “กินเจอิ่มใจ สดใหม่ที่บิ๊กซี” ขึ้นที่บิ๊กซีทุกสาขาทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 12-28 ต.ค.

นอกจากนี้บิ๊กซีได้จัดเตรียมสินค้าเจ ทั้งกลุ่มสินค้าอาหารแห้ง และกลุ่มเครื่องดื่ม นมถั่วเหลือง และนมอัลมอนด์ ซึ่งเป็นเทรนด์สินค้าใหม่ที่ผู้บริโภคให้ความสนใจมากขึ้น รวมถึงเบเกอรี่สูตรเจชนิดต่าง ๆ ราคาเริ่มต้นที่ชิ้นละ 5 บาท