ทีวีไดเร็ค ปรับโครงสร้าง-ควบรวมบริษัท โฟกัสออนไลน์ ดันรายได้โต

ทีวีไดเร็ค เปิดแผนปี’64 รีโพซิชันธุรกิจทีวี เพิ่มออนไลน์ ตั้งเป้า 3 ปี สัดส่วนออนไลน์เป็น 50% พร้อมควบรวมธุรกิจ ลุยเทคคอมปะนี ดันรายได้โต

นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD ผู้นำธุรกิจจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางทีวีและออนไลน์ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาเริ่มเห็นสัญญาณการเติบโตของออนไลน์-อีคอมเมิร์ซ ที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งในไทยและต่างประเทศ

โดยจากในปี 2557 ช่องทางทีวีโฮมช็อปปิ้งยังมีเม็ดเงินสูงกว่า แต่หลังจากนั้นช่องทางออนไลน์-อีคอมเมิร์ซกลับแซงขึ้นมาสูงแตะหลักหมื่นล้าน ในขณะที่ทีวีโฮมช็อปปิ้งอยู่ที่หลักพันล้าน

ดังนั้น ทิศทางในปี 64 ทีวีไดเร็ค จึงเริ่มปรับโครงสร้างแบ่งเป็น ส่วนทีวีโฮมช็อปปิ้ง และอีคอมเมิร์ซ

ทรงพล ชัญมาตรกิจ
ทรงพล ชัญมาตรกิจ

ด้านออนไลน์และอีคอมเมิร์ซ ได้จับมือร่วมกับบริษัท โมโม่ดอทคอม จำกัด ยักษ์ใหญ่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซสัญชาติไต้หวัน โดยนำเทคโนโลยีและฟีเจอร์ใหม่ ๆ มาพัฒนาการจำหน่ายสินค้า และแพลตฟอร์มของบริษัท

เบื้องต้นในไตรมาส 1-2 ของปีนี้ จะใช้กลยุทธ์เพิ่มยอดขายจากโซเชียลคอมเมิร์ซ เช่น เฟซบุ๊ก ไลน์ ทวิตเตอร์ โดยสร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจ ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ดีขึ้น

ทั้งนี้ ในปีแรกนี้วางเป้าสัดส่วนยอดขายออนไลน์เป็น 15% จากเดิมมีอยู่ 8% ซึ่งคาดว่าภายใน 3 ปีข้างหน้าจะมีสัดส่วนออนไลน์เพิ่มเป็น 50% ของยอดขายทั้งหมด

“ช่องทางออนไลน์ของไทยตามแพลตฟอร์มต่าง ๆ มีการเติบโตสูงขึ้น ซึ่งหากผลักดันสินค้าเข้าไปทางช่องทางเหล่านี้ได้จะส่งให้ทีวีไดเร็คเติบโตอย่างแน่นอน”

สำหรับช่องทางทีวีโฮมช็อปปิ้งจะรีโพสิชันนิ่งครั้งใหญ่ โดยจะวางตำแหน่งทางการตลาดของแต่ละช่องใหม่แบ่งได้ดังนี้

ช่องดิจิทัลทีวี อาทิ ช่อง 3, 7HD, ททบ.5, อมรินทร์ทีวี 34 จะนำเสนอสินค้าเน้นความแปลกใหม่ และแตกต่าง เช่น สินค้าตามฤดูกาลจำพวกอาหาร อย่างทุเรียน กุ้งมังกร เป็นต้น

ส่วน SATV อาทิ ช่อง 39, 40, 55 จะนำเสนอสินค้าโดยเจาะคนละกลุ่ม ตั้งแต่เจาะกลุ่มสินค้าราคาย่อมเยา, สินค้าจับกลุ่มตลาดกลาง-บน, กลุ่มสินค้าเพื่อการออกกำลังกาย, สินค้าเจาะกลุ่มตลาดแมสโดยเฉพาะ และสินค้าแบรนด์เนม

ด้าน ดร.อาทิตย์ น้อยเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอบีพีโอ จำกัด (ABPO) ในเครือทีวีไดเร็ค กล่าวว่า เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทีวีไดเร็คได้ควบรวม 7 หน่วยธุรกิจย่อยเข้ารวมกันเป็น ABPO

ซึ่งเป็นการทรานส์ฟอร์มองค์กร สู่การเป็นเทคคอมปะนี (Tech Company) เสนอบริการที่หลากหลายเกี่ยวกับดิจิทัลที่กำลังมาแรง เพื่อเสริมความแกร่งให้แก่ทีวีไดเร็ค

โดยมี 4 ธุรกิจเรือธง ตั้งแต่ธุรกิจการบริหารคอลเซ็นเตอร์ จัดหาสถานที่และพนักงาน รวมถึงการทำบริการดิจิทัลแช็ต และการเป็นศูนย์กลางดาต้า จัดทำข้อมูลลูกค้าต่าง ๆ

นอกจากนี้ยังครอบคลุมถึงธุรกิจโลจิสติกส์ ขนส่งและจัดเก็บเงินเบี้ยประกันต่าง ๆ รวมไปถึงธุรกิจการทำการตลาดให้แก่แบรนด์ต่าง ๆ โดยอาศัยฐานข้อมูลจากธุรกิจของทีวีไดเร็คที่มีกลุ่มลูกค้าถึง 10.1 ล้านคน

ในปีนี้ ABPO มีแผนเข้าลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพเทคคอมปะนีต่อเนื่อง เพื่อเรียนรู้แนวคิดและวิธีการต่าง ๆ โดยจะทุ่มงบลงทุนประมาณ 10 ล้านบาท เข้าถือหุ้น 2-3 บริษัท ในสัดส่วน 1-2%

ทั้งบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ Blockfint, Fintech และ Blockchain ผู้พัฒนาระบบซอฟต์แวร์ แอปพลิเคชันสำหรับการทำธนาคารดิจิทัล (Neo Banking) และบริษัท Eat Lab ผู้พัฒนาระบบ AI Core Tech ช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค และพัฒนาโปรโมชันตอบสนองอย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ จะพัฒนาเป็นแพลตฟอร์ในการบริหารสำหรับผู้ประกอบการ โดยเจาะกลุ่มการเงิน, กลุ่มร้านอาหาร, กลุ่มการตลาด และกลุ่มสุขภาพ ซึ่งจะใช้เงินลงทุนในพัฒนาราว 20 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นสำหรับกลุ่มเทคคอมปะนี ตั้งเป้ารายได้ที่ 1,040 ล้าน ส่วนกำไรประมาณ 37 ล้านบาท