“อินเด็กซ์” ทลายกำแพงอีเวนต์ ลุยสารพัดแฟรนไชส์ปั๊มรายได้

สัมภาษณ์

“อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ” ผู้จัดอีเวนต์บันเทิงรายใหญ่ที่มีผลงานทั้งคอนเสิร์ต งานแฟร์ เอ็กซ์โป ฯลฯ ทั้งในไทยและต่างประเทศ เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ปรับตัวอย่างน่าสนใจในปีที่แล้ว ด้วยยุทธศาสตร์หารายได้เพิ่มจากการแตกธุรกิจใหม่แบบไม่จำกัดวงการเพื่อจับดีมานด์ที่เกิดขึ้นในช่วงการระบาดของโควิด-19 อาทิ ธุรกิจฉีดพ่นสารฆ่าเชื้อ ธุรกิจบริหารจัดการวางแผน-ระบบให้โรงแรมและโรงพยาบาล เพื่อสร้างบริการสุขภาพ อาทิ แล็บตรวจการนอนในโรงแรม เป็นต้น แม้รายได้จะลดลงถึง 69% เหลือเพียง 460 ล้านบาท แต่ก็ช่วยให้มีสภาพคล่องเพียงพอไม่ต้องลดคน

ล่าสุดหัวเรือใหญ่ของบริษัทยังย้ำความมั่นใจ พร้อมเริ่มเดินหน้าแผนต่อยอดการแตกธุรกิจสำหรับกลับมาสร้างการเติบโตในปี 2565 ไปแล้วอีกด้วย

“ประชาชาติธุรกิจ” ได้พูดคุยกับ “เกรียงไกร กาญจนะโภคิน” ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) รวมถึงเจ้าของไอเดียแตกไลน์ธุรกิจถึงแนวคิดและทิศทางหลังจากนี้

“เกรียงไกร” อธิบายว่า แนวทางหลักของอินเด็กซ์หลังจากนี้คือ การขยายธุรกิจใหม่ให้หลากหลายยิ่งขึ้นไปอีก เพื่อสร้างรายได้จากโอกาสใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น รวมถึงกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจออกไปให้ได้มากที่สุด ส่วนงานอีเวนต์เน้นการคิดรูปแบบและจัดงานเอง ให้มีงานต่อเนื่อง แม้กลุ่มธุรกิจต่าง ๆ จะยังชะลอการลงทุนในปีนี้

สำหรับธุรกิจใหม่ ๆ จะกระจายความเสี่ยงด้วยการใช้โมเดลแฟรนไชส์ ช่วยให้ไม่ต้องลงทุนเองทั้งหมด พร้อมใช้บุคลากรและความเชี่ยวชาญที่มีอยู่แล้วของทั้งบริษัทและพันธมิตรให้เป็นประโยชน์ โดยจะอยู่ภายใต้ชื่อ “เคเค” (KK) ที่มาจาก “คิล แอนด์ คลีน” (KILL & KLEAN) ธุรกิจแฟรนไชส์บริการฆ่าเชื้อที่ตั้งขึ้นเมื่อปีที่แล้ว

ล่าสุด จับมือกับราชาสินค้าเงินผ่อน “ซิงเกอร์” สร้างธุรกิจแฟรนไชส์ร้านสะดวกซัก “เคเค วอช” (KK Wash) รับกระแสร้านสะดวกซักที่กำลังมาแรง มุ่งเจาะช่องว่างระหว่างธุรกิจเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญแบบดั้งเดิม กับร้านสะดวกซัก โดยชูราคาแฟรนไชส์จับต้องง่ายระดับ 1.5-4.5 แสนบาท และสามารถผ่อนได้ถึง 24 เดือน ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี เรียกได้ว่าถูกที่สุดในตลาด รวมถึงใช้พื้นที่ขนาดเล็กประมาณ 3-15 ตร.ม. เพื่อให้สามารถเข้าถึงผู้ลงทุนและทำเลระดับตำบล-หมู่บ้านได้ง่ายที่สุด แตกต่างจากคู่แข่งที่ต้องลงทุนหลักล้านบาทและใช้พื้นที่เยอะ

โดยระดับราคาและการผ่อนชำระนี้เกิดจากการใช้ความเชี่ยวชาญของซิงเกอร์ที่เป็นผู้ผลิตเครื่องซักผ้าฝาบน ระบบหยอดเหรียญ บริหารการผ่อนชำระค่าแฟรนไชส์ บริการหลังการขาย รวมไปถึงเครือข่ายพนักงานขายที่สามารถเจาะลึกในระดับตำบล-หมู่บ้านทั่วประเทศ ในขณะที่บริษัทใช้ความเชี่ยวชาญสนับสนุนด้านทำการตลาดและส่งเสริมการขาย

“นอกจากการขยายตัวของร้านสะดวกซักแล้ว ปัจจุบันผู้บริโภคจำนวนมากต้องการหารายได้เสริมด้วยกิจการที่ลงทุนต่ำ สามารถทำพร้อมงานประจำได้ จึงปั้นเคเค วอชมาตอบโจทย์ โดยเน้นขายแฟรนไชส์ในราคาถูกจำนวนมาก เพื่อเพิ่มโอกาสนำฐานแฟรนไชส์มาต่อยอดภายหลัง อีกทั้งยังได้เม็ดเงินมาเสริมสภาพคล่องของบริษัทอีกด้วย”

ส่วน “คิล แอนด์ คลีน” กำลังศึกษาโอกาสต่อยอดการให้บริการฆ่าเชื้อในสถานที่ต่าง ๆ ที่กำลังจะกลับมาเปิดบริการ อาทิ สนามบิน พร้อมตั้งเป้าเปิดธุรกิจแฟรนไชส์เพิ่มอีก 1 ธุรกิจภายในปีนี้

ด้านธุรกิจอีเวนต์นั้น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารอินเด็กซ์คาดว่า หากปีนี้ไม่มีการระบาดระลอกใหม่อีก อีเวนต์บันเทิงจะกลับมาตั้งแต่มิถุนายน-กรกฎาคมแน่นอน เพราะตลาดยังมีดีมานด์ สะท้อนจากไตรมาส 4 ปี 2563 นั้นบริษัทมีงานในพอร์ตกว่า 10 งาน ก่อนจะต้องยกเลิกไปหมดเพราะการระบาดระลอก 2 ส่วนสงกรานต์นั้นคงไม่มีใครจัดงานเพราะไม่คุ้มหากเกิดการระบาดอีก

ดังนั้นจึงต้องเปิดเกมรุกเต็มที่ ด้วยการปูพรมอีเวนต์แบบนิวนอร์มอล เน้นแนวท่องเที่ยว-ถ่ายรูป อย่างการแสดงแสงสีทั่วประเทศตลอดทั้งปี พร้อมมุ่งปั้นให้เป็นอีเวนต์ประจำปีและประจำภาค เพื่อสร้างรายได้ต่อเนื่อง เช่นเดียวกับอีเวนต์เมืองโบราณ ไลท์เฟส ที่สมุทรปราการ และไลท์อิลลูมิเนชั่นที่สิงห์ปาร์ค เชียงราย ซึ่งจัดประจำในช่วงหน้าร้อนและหน้าหนาว และขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาการจัดอีเวนต์ในภาคอีสานและภาคใต้ รวมถึงพยายามดึงพันธมิตรมาร่วมจัดอีเวนต์ เช่น ละครวันทอง ที่ใช้เมืองโบราณเป็นโลเกชั่นถ่ายทำอยู่แล้ว

“เกรียงไกร กาญจนะโภคิน” ทิ้งท้ายว่า แม้เป้าหมายรายได้ปีนี้จะยังอยู่ระหว่างการประเมิน แต่กลุ่มธุรกิจแฟรนไชส์เครือเคเครวม 3 แบรนด์จะสร้างรายได้ประมาณ 100 ล้านบาท และในระยะยาวรายได้จากส่วนนี้ร่วมกับอีเวนต์ที่จัดเองจะเป็น 50% ของรายได้รวม