ทีบีดับบลิวเอ ทุ่ม 40 ล้าน ทรานส์ฟอร์มธุรกิจลุยคอนซัลติ้ง

ดิจิทัล-โควิดทำพิษ ทีบีดับบลิวเอ ทุ่มงบ 40 ล้าน เร่งปรับตัวธุรกิจเอเยนซี่ ลุยเพิ่มคอนซัลติ้ง แตกไลน์หน่วยงานใหม่ “ดิสรัปชั่น คอนซัลติ้ง” ดึงดาต้า-กระแสสังคม-ครีเอทีฟ ช่วยตอบโจทย์สร้างความได้เปรียบทางธุรกิจให้กลุ่มลูกค้า

ปัจจุบันด้วยภูมิทัศน์สื่อที่มีการเปลี่ยนแปลงจากเทคโนโลยีดิสรัปชั่น ผนวกกับผลพวงพิษเศรษฐกิจจากโควิด ส่งผลให้ผู้ประกอบการร่วมใจรักษากระแสเงินสด และตัดงบ ชะลอการใช้เม็ดเงินกระตุ้นการขายหรือทำแคมเปญต่าง ๆ กระทบต่ออุตสาหกรรมโฆษณา ท่อน้ำเลี้ยงสำคัญของกลุ่มเอเยนซี่ เป็นเหตุสำคัญที่เอเยนซี่ต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง

นายชัยประนิน วิสุทธิผล ประธานบริหารบริษัท ทีบีดับบลิวเอ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาทีบีดับบลิวเอได้ปรับตัวให้พร้อมตั้งรับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เข้ามาดิสรัปต์ธุรกิจ ตั้งแต่ 5 ปีก่อนที่การเข้ามาของสื่อออนไลน์เริ่มกระทบต่อสื่อดั้งเดิม อาทิ ทีวี

ขณะเดียวกันโควิดได้เข้ามาเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญให้ผู้บริโภคดีดตนเองไปสู่ความเป็นดิจิทัลมากขึ้น จึงอาจทำให้การวางโพซิชั่นตนเองให้เป็นเพียงเอเยนซี่ครีเอทีฟช่วยสื่อสารการตลาดเพียงอย่างเดียว อาจไม่พอและไม่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้อีกต่อไป จึงเปิดโมเดลธุรกิจใหม่ภายใต้การสร้างกลยุทธ์เพื่อการเจริญเติบโต หรือ Creative Growth Agency ที่พร้อมเป็นที่ปรึกษา ทั้งด้านธุรกิจ การตลาด และความคิดสร้างสรรค์แบบครบวงจร

ดังนั้น ทีบีดับบลิวเอ จึงได้ผุดโซลูชั่นใหม่ “ดิสรัปชั่น คอนซัลติ้ง” วางกลยุทธ์สร้างการเจริญเติบโตทางธุรกิจที่แม่นยำให้กับลูกค้าอย่างครบวงจร โดยการวางแผน พร้อมกับการวิเคราะห์ดาต้าร่วมกับกระแสสังคม เพื่อประเมินผลและปรับปรุงพัฒนา Consumer Journey ให้ดีขึ้นตลอดเวลา

ส่วนงานสื่อสารที่ทำอยู่ปกติ จะพัฒนาให้เป็น Dynamic Creativity เพื่อตอบโจทย์ด้านการวางกลยุทธ์คอนเทนต์ที่สร้างสรรค์ รวดเร็ว เท่าทันสังคมและการแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

“วันนี้ทีบีดับบลิวเอไม่ใช่ Advertising Agency อีกต่อไปแล้ว ต่อไปนี้เราจะเป็น Creative Growth Agency องค์กรที่ขับเคลื่อนด้วย Data และ Culture เพื่อสร้างการเติบโตของลูกค้าให้ประสิทธิภาพ และรวดเร็วมากกว่าคู่แข่งในตลาด โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตที่มีการแข่งขันกันดุเดือดเพื่อชิงความได้เปรียบทางธุรกิจ”

อย่างไรก็ดี เบื้องต้นบริษัทฯ จะผลักดันโมเดล Creative Growth Agency ให้กลายมาเป็นขาที่ 3 สร้างรายได้ มีสัดส่วนการทำยอขายได้ 30% จากเดิมที่มีเพียง 2 ขาหลัก คือ การทำการตลาดสื่อดั้งเดิมและสื่อออนไลน์ ที่มีสัดส่วนเท่ากันคือ 50% เพื่อเตรียมรับลูกค้าเต็มรูปแบบเมื่อสถานการณ์เข้าสู่สภาวะปกติในปี 65

“การทรานส์ฟอร์มองค์กรครั้งนี้ใช้งบลงทุนราว 40 ล้านบาท พัฒนาเทคโนโลยีและเซ็ตทีมบุคลากรทั้งในไทยและต่างประเทศ ส่งไปเรียนรู้งานด้านดาต้าในประเทศสิงคโปร์ เพื่อตั้งรับการแข่งขันทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว”