“โลตัส” เดินเครื่องยุทธศาสตร์ ปูพรมสาขา-O2O ขยายฐาน

กางแผน “โลตัส” ชิงธงค้าปลีกเมืองไทย เดินเครื่องขยายสาขา 300-400 แห่ง ชู omnichannel เสริมแกร่งแพลตฟอร์มออนไลน์เพิ่มบริการ ทั้งบริการจัดส่ง, Chat & Collect ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ โกยยอดขายออนไลน์โตต่อเนื่อง 200-300% ก่อนหนุนสินค้าชุมชน-SMEs ขึ้นห้างพยุงผู้ประกอบการฝ่าวิกฤตโควิด-19

นางสาวสลิลลา สีหพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านบุคคลและความยั่งยืน บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้บริหารห้างค้าปลีกโลตัส เปิดเผยว่า แผนงานของบริษัทในปีนี้ยังคงเดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้มีแผนขยายเพิ่มทั้งสิ้น 300-400 แห่งในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นไฮเปอร์มาร์เก็ต, ไฮเปอร์มาร์เก็ต (ตลาดโลตัส) รวมไปถึงโมเดลใหม่อย่าง Lotus’s go fresh ที่จะมีทั้งการเปิดตัวสาขาใหม่

พร้อมทั้งทยอยรีโนเวตเทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรสเดิมที่มีอยู่สู่โมเดลใหม่ Lotus’s go fresh ทั้งหมดอย่างต่อเนื่อง โดยชูจุดเด่นความเป็น mini supermarket เน้นความแตกต่างจากร้านสะดวกซื้อทั่วไปตรงที่มีอาหารสด ทั้งผัก-ผลไม้ เนื้อสัตว์จำหน่าย ร่วมกับสินค้าอุปโภค เพื่อบรรลุเป้าหมายยุคปัจจุบันผ่านการผสานระหว่าง O2O หรือออฟไลน์ไปออนไลน์ ควบคู่กันไปทั้งนี้ ปัจจุบันที่โลตัสมีจำนวนทั้งสิ้น 2,084 แห่ง แบ่งเป็นไฮเปอร์มาร์เก็ต 217 แห่ง, ไฮเปอร์มาร์เก็ต (ตลาดโลตัส) 195 แห่ง, มินิซูเปอร์มาร์เก็ต (เทสโก้ โลตัสเอ็กซ์เพรส) 1,672 แห่ง

นอกจากการขยายสาขาตามแผนดังกล่าวแล้ว บริษัทยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาการให้บริการทั้งออนไลน์-ออฟไลน์ควบคู่กันไป ไม่ว่าจะเป็นการนำเทคโนโลยี new normal ต่าง ๆ เข้ามาตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ยังมีบริการ omnichannel เพื่อรองรับการเติบโตของออนไลน์ช็อปปิ้ง อาทิ บริการ Chat & Shop ให้ลูกค้าสามารถสั่งสินค้าได้โดยตรงกับสาขาที่สะดวกใกล้บ้าน จัดส่งถึงบ้าน, บริการ Chat & Collect ลูกค้าสั่งสินค้าโดยตรงกับสาขาที่สะดวกและมารับสินค้าด้วยตนเอง เป็นต้น

พร้อมกันนี้ยังมีแผนขยายการทำตลาดในช่องทางออนไลน์อย่างต่อเนื่อง ในการพัฒนาสินค้าเพื่อเข้าวางจำหน่าย พร้อมทั้งต่อยอดบริการต่าง ๆ รองรับความต้องการของลูกค้าในแต่ละพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นระบบการชำระเงิน, บริการจัดส่งการเพิ่มจำนวนสินค้า โดยวางเป้าหมายการเติบโตในช่องทางออนไลน์ไม่น้อยกว่าปีที่ผ่านมาที่มีการเติบโตกว่า 200-300% โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนยอดขายมาจากช่องทางออนไลน์น้อยกว่า 5% และออฟไลน์กว่า 95%

“ช่องทางออนไลน์ของโลตัสถือเป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่ถือเป็นจุดแข็งของบริษัทที่ให้ความสำคัญในการพัฒนาออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ โดยออนไลน์นับเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งของบริษัทในการสร้างการเข้าถึงกลุ่มลูกค้า รวมทั้งมีสินค้าที่หลากหลายตั้งแต่แฟชั่น เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปโภคบริโภค สินค้าเกษตร ฯลฯ ที่หลากหลายตอบโจทย์ความต้องการ

โดยปัจจุบันโลตัสมีการซื้อขายทั้งออนไลน์-ออฟไลน์มากกว่า 10 ล้านครั้งต่อสัปดาห์ มีสมาชิกคลับการ์ดมากกว่า 15 ล้านราย หรือคิดเป็น 1 ใน 4 ของประชากร 66 ล้านคนทั่วประเทศ ซึ่งนั่นคือโจทย์ใหญ่ที่บริษัทจะใช้เพื่อนำมาต่อยอดการเติบโตในอนาคตผ่านทั้งออนไลน์และออฟไลน์”


นางสาวสลิลลากล่าวต่อไปว่า นอกจากการนำกลยุทธ์ omnichannel เข้ามาใช้ในการสร้างการเติบโตแล้ว บริษัทยังมีนโยบายในการผลักสินค้าเอสเอ็มอีเข้ามาวางจำหน่ายภายในศูนย์อย่างต่อเนื่อง โดยให้ผู้ประกอบการได้พูดคุยกับทีมงานจัดซื้อของโลตัสโดยตรงทุกหมวดหมู่สินค้าที่จำหน่ายในช่องทางของโลตัส ทั้งของสาขาทั่วประเทศและช่องทางออนไลน์ของโลตัส ตามแผนงานเพิ่มการรับซื้อสินค้าเอสเอ็มอีอย่างน้อย 10% ทุกปีเป็นระยะเวลา 5 ปี นอกจากนี้ ยังได้ปรับปรุงการจัดจำหน่ายให้กระชับขึ้น เพื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถกระจายสินค้าผ่านโลตัส และมียอดขายเร็วขึ้นกว่าเดิม โดยกลุ่ม SMEs สามารถนำสินค้าเข้ามาวางจำหน่ายหรือจะเป็นรูปแบบการรับจ้างผลิตสินค้าให้แก่แบรนด์ Lotus’s ก็ได้