“อาฟเตอร์ยู” กางแผนสู้โควิด ปูพรมสินค้าทูโกลุยออกบูทดันยอดขาย

“อาฟเตอร์ยู” เปิดเกมรุกสู้พิษโควิด-19 เน้นคุมต้นทุน-ขายดีลิเวอรี่ ประกาศปูพรมสินค้า to go เดินหน้ารีโนเวตร้านขนมหวาน After You Marketplace กระตุ้นการซื้อกลับบ้าน พร้อมออกบูทขายสินค้า พ็อปอัพสโตร์ ปักธงหัวเมืองต่างจังหวัด เผยเตรียมขยายแฟรนไชส์ร้านกาแฟ มิกก้า ชูจุดขายถูกและดี ราคาเริ่มต้นที่ 45 บาท

นายแม่ทัพ ต.สุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาฟเตอร์ ยู จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านขนมหวาน เปิดเผยว่า จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการประกาศมาตรการควบคุมในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคและระดับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ อย่างไรก็ตาม หากแผนการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 สามารถดำเนินการได้ตามมาตรการที่วางไว้ สถานการณ์น่าจะคลี่คลาย และเศรษฐกิจสามารถฟื้นตัวได้

ทั้งนี้ บริษัทมีการปรับตัวเพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกใหม่ที่เกิดขึ้น เช่น การควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการควบคุมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับพนักงาน เช่น การกำหนดจำนวนพนักงานสูงสุดต่อสาขาตามยอดขาย การออกนโยบายให้ลาโดยไม่รับค่าแรง (leave without pay) และการควบคุมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับค่าเช่าพื้นที่ โดยการต่อรองในการขอลดค่าเช่าจากผู้ให้เช่า

ขณะเดียวกันก็หันมาให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อตอบรับกับการดำเนินชีวิตวิถีใหม่ (new normal) โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าประเภทซื้อกลับบ้าน และสินค้า to go เป็นหลัก ควบคู่กับการเพิ่มเมนูที่รองรับการบริการดีลิเวอรี่ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงไตรมาส 1 ปี 2564 ที่ผ่านมา ได้เพิ่มไลน์สินค้ากว่า 17 รายการ เพื่อเพิ่มทางเลือกและกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค ทั้งกลุ่มสินค้าสดในร้าน อาทิ คากิโกริแตงไทย, รสอะโวคาโด, รสชีส และพายมะยงชิด ขณะที่สินค้าประเภททูโก อาทิ ช็อกโกแลตบาร์, ครัวซองต์เนยสดสำเร็จรูป, โชกุปังมันม่วง

นอกจากนี้ ยังมีแผนเดินหน้ารีโนเวตร้านขนมหวานรูปแบบใหม่ After You Marketplace เพิ่มจุดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคภายในร้าน อาทิ เครื่องดื่มบรรจุขวด และของที่ระลึกลวดลายต่าง ๆ ให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อสินค้ากลับบ้านได้ ขณะนี้ได้เริ่มทยอยปรับปรุงไปแล้ว 14 สาขา จากปัจจุบันมีมากกว่า 30 สาขา และมีสาขาที่เปิดใหม่ 3 สาขา ได้แก่ ฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต, เซ็นทรัล พลาซา บางนา และเดอะมอลล์ บางกะปิ

รวมถึงการบริหารวิธีการขายให้เข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด เช่น การเพิ่มจุดออกบูทที่เป็นพ็อปอัพสโตร์ ที่มีความคล่องตัวสูงและเน้นกระจายพื้นที่อย่างทั่วถึง และมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์สินค้าต่าง ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ (online platform) เพื่อให้ลูกค้ารับทราบถึงข่าวสาร และสามารถเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้น

“การออกบูทแต่ละครั้งจะมีระยะเวลาประมาณ 1-4 สัปดาห์ และปัจจุบันได้กระจายจุดออกบูทนอกสถานที่กว่า 15 แห่ง ครอบคลุม 8 จังหวัดหัวเมือง ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต สมุทรสาคร นครปฐม ขอนแก่น ระยอง พิษณุโลก และลำปาง เป็นต้น”

นายแม่ทัพกล่าวว่า พร้อมกันนี้ บริษัทยังจะให้ความสำคัญกับการขยายสาขาร้านกาแฟ มิกก้า (Mikka Cafe) ในรูปแบบของแฟรนไชส์ ปัจจุบันมีประมาณ 41 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯ และตามหัวเมืองใหญ่ ด้วยการเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจเข้ามาช่วยกันขยายสาขา ชูจุดขายในคอนเซ็ปต์สินค้าในร้าน ถูกและดี เครื่องดื่มราคาเริ่มต้นที่ 45 บาท มีเมนู เช่น กาแฟ โกโก้ ชาไทย น้ำแดงโซดา ฯลฯ รวมถึงเบเกอรี่ชิ้นเล็ก เจาะทุกกลุ่มเป้าหมาย

“นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจรับจ้างผลิตสินค้าส่งให้กับลูกค้าต่าง ๆ ทั้งสถาบันการเงิน ร้านอาหาร โดยมีผลิตภัณฑ์หลัก ๆ อาทิ พาย คุกกี้ ขนมปัง ตลอดจนการเปิดให้บริการจัดอาหารว่าง หรือ snack box ที่ผลิตตามความต้องการของลูกค้าตามโอกาสสำคัญต่าง ๆ แต่ยังถือเป็นสัดส่วนรายได้ที่ยังน้อย”


อย่างไรก็ตาม สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2564 บริษัทมีรายได้จากการขาย 179 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 40 ล้านบาท หรือร้อยละ 18 และมีกำไรสุทธิ 12 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 8 ถ้าเทียบจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยปัจจัยหลักมาจากผลกระทบจากการระบาดของโควิด ตลอดจนการบริโภคภาคครัวเรือนที่ยังไม่ฟื้นตัวกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และการหดตัวของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ