ซีพีเอ็น เปิดผลงานไตรมาส 1 กำไรกว่า 3.8 พันล้าน เดินหน้าลงทุนไทย-เทศ

ซีพีเอ็น ประกาศผลงานไตรมาส 1/64 มีรายได้รวม 9,528 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 3,835ล้านบาท ประกาศเดินหน้าแผนลงทุนต่อเนื่อง 5 ปี ทั้งในไทยและต่างประเทศ ย้ำแผนเปิดโครงการใหม่ เซ็นทรัล อยุธยา, เซ็นทรัล ศรีราชา และเซ็นทรัล ตามเดิม

วันที่ 17 พฤษภาคม 2564 นางสาวนภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บัญชี และบริหารความเสี่ยง บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ไตรมาส 1 ปี 2564 บริษัทยังคงสร้างรายได้และกำไรได้ท่ามกลางสภาวะที่โรคโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาดอยู่ โดยมีรายได้รวม 9,528 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 3,835 ล้านบาท

แม้ว่าผลการดำเนินงานบางส่วนจะมีรายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นประจำ และผลกระทบจากมาตรฐานรายงานทางการเงินใหม่ จึงทำให้รายได้และกำไรลดลง 17% จากปีก่อนทั้งคู่ แต่ในภาพรวมนั้นบริษัทสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับการลดต้นทุนในการดำเนินงาน และควบคุมค่าใช้จ่าย อาทิ ค่าสาธารณูปโภค ค่าใช้จ่ายทางการตลาด เพื่อรักษาสภาพคล่องของกระแสเงินสด และเตรียมพร้อมรองรับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน

อีกทั้งยังมีการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน และยังคงให้ความช่วยเหลือผู้เช่า ร้านค้าในศูนย์ฯ โดยจัดแคมเปญและกิจกรรมส่งเสริมการขายต่าง ๆ และการเพิ่มช่องทางการขายให้ผู้เช่าแบบ Omnichannel เช่น บริการ Chat & Shop และ Take Away Delivery นอกจากนี้ ยังช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดเล็ก (SME) กลุ่มเกษตรกร และกลุ่มอาชีพที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยการเปิดพื้นที่ฟรีให้จำหน่ายสินค้า ช่วยสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนในช่วงที่สถานการณ์ยังไม่ปกติดี

สำหรับทิศทางการดำเนินงานในปีนี้บริษัทยังคงเดินหน้าลงทุนพัฒนา 3 โครงการบิ๊กมิกซ์ยูส ได้แก่ เซ็นทรัล อยุธยา และ เซ็นทรัล ศรีราชา ที่เตรียมเปิดภายในสิ้นปีนี้ และเซ็นทรัล จันทบุรี ที่เตรียมเปิดภายในกลางปี 2565 โดยตั้งเป้าให้ทั้ง 3 บิ๊กมิกซ์ยูสนี้ช่วยต่อยอดโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐในอนาคต ยกระดับเมืองศักยภาพสูงทั้ง 3 จังหวัด

ทั้งด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวสร้างอัตราการจ้างงาน และช่วยให้เศรษฐกิจประเทศฟื้นตัวดีขึ้นได้ นอกจากนี้ ยังมีโครงการ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ที่ร่วมพัฒนากับบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) บนทำเลทอง “ซุปเปอร์คอร์ ซีบีดี” ในกรุงเทพฯ ซึ่งจะทยอยเปิดให้บริการในปี 2566-2567 เป็นต้นไป อีกด้วย

พร้อมกันนี้ยังวางแผนการลงทุนและเป้าหมายทางธุรกิจในระยะ 5 ปี (ปี 2564-2568) บริษัทได้มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธอย่างทันท่วงที ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ต่าง ๆ และเดินหน้าลงทุนอย่างต่อเนื่องในแผนพัฒนาโครงการใหม่ที่ยังไม่ได้ประกาศ ทั้งโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสมโครงการที่พักอาศัย รวมถึงแผนการปรับปรุงสินทรัพย์ที่มีอยู่ในปัจจุบันเพื่อเพิ่มมูลค่า รวมทั้งบริหารจัดการค่าใช้จ่ายและลดต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง

และยังคงศึกษาโอกาสการลงทุนธุรกิจในรูปแบบอื่น การเข้าซื้อกิจการ และการลงทุนในต่างประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ มาเลเซีย และเวียดนาม รวมถึงศึกษาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพการเติบโตสูงเพื่อขยายช่องทางในการสร้างรายได้ใหม่และสอดคล้องกับแผนการเติบโตตามเป้าหมายในอนาคตอย่างมั่นคงและยั่งยืน