โควิดปลุกดีมานด์กล้อง CCTV ฟังก์ชั่นอัจฉริยะมาแรง-สงครามราคาระอุ

กล้องวงจรปิดไร้สายหมื่นล้านสวนกระแสโควิด เวิร์กฟรอมโฮม-ห้ามเดินทาง สร้างเทรนด์การใช้งานแบบไลฟ์สไตล์พุ่งแรง ใช้ดูดีลิเวอรี่-พัสดุ-สัตว์เลี้ยง-สื่อสารญาติพี่น้อง “พานาโซนิค” ฟันธงตลาดอนาคตสดใส ลูกค้าองค์กรมองหานวัตกรรมตอบโจทย์นิวนอร์มอล-ลดต้นทุน ฟังก์ชั่นอัจฉริยะมาแรง ประกาศเปิดตัวสินค้า-ซอฟต์แวร์เอไอ โซลูชั่นครบวงจร ชิงดีมานด์ “อีซี่วิซ” แบรนด์ดังจีนขนสินค้าลงตลาดปั้นรายได้

แม้วิกฤตโรคระบาดจะทำให้ผู้คนต้องอยู่บ้าน-ที่พักเกือบตลอดเวลา ซึ่งน่าจะทำให้ตลาดกล้องวงจรปิด หรือซีซีทีวี ที่มีมูลค่าตลาดรวมราว ๆ หมื่นล้านบาท มีความต้องการที่ลดลง แต่สถานการณ์กลับตรงกันข้าม เมื่อผู้ประกอบการหลายรายต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การระบาดของโรคโควิด-19 ได้สร้างดีมานด์การใช้งานกล้องวงจรปิดแบบใหม่ ๆ ขึ้น โดยเฉพาะในแง่ของไลฟ์สไตล์ ต่างจากเดิมที่เน้นด้านป้องกันอาชญากรรม

ตลาดครัวเรือนโต-พาณิชย์ซบ

นางสาวราณี สิทธิแก้ว ผู้จัดการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายการตลาด ผลิตภัณฑ์ซิสเต็มโซลูชั่น บริษัท พานาโซนิค ซิว เซลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายกล้องวงจรปิดแบรนด์พานาโซนิค เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทำให้ตลาดกล้องวงจรปิด หรือซีซีทีวี มีความเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ ด้าน โดยพบว่าตลาดลูกค้าครัวเรือน กล้องแบบไร้สายเติบโตดีจากการใช้งานแบบไลฟ์สไตล์ เช่น การดูพนักงานดีลิเวอรี่-ส่งพัสดุไปรษณีย์ หรือการเฝ้าระวัง-สื่อสารกับญาติในต่างจังหวัด

ขณะที่ตลาดลูกค้าองค์กรนั้นมีทิศทางหดตัว เนื่องจากตั้งแต่ปี 2563 หลายโครงการเลื่อนกำหนดติดตั้ง-ชะลอจัดซื้อจัดจ้างออกไป และยังมีบางกลุ่มที่มีการโยกงบประมาณจากซีซีทีวีไปกับระบบกล้องวัดอุณหภูมิเพื่อคัดกรองผู้ติดเชื้อโควิด-19 แทน ทำให้ตัวแทนหลายรายต่างมียอดขายลดลง 20-30% ตั้งแต่ปี 2563 อีกทั้งยังมีการแข่งขันราคากับแบรนด์จีนอย่างรุนแรง และทำให้ในแง่ของมูลค่าตลาดลดลงต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ในอนาคตตลาดซีซีทีวียังมีโอกาสที่จะเติบโตมากขึ้น ขณะที่การแข่งขันจะมีแนวโน้มที่เปลี่ยนแปลงไป โดยจะมีเรื่องของฟังก์ชั่นอัจฉริยะต่าง ๆ เข้ามามีบทบาทมากขึ้น อาทิ ระบบวิเคราะห์ภาพ-พฤติกรรมด้วยปัญญาประดิษฐ์ หลังหลายหน่วยงานทั้งรัฐและเอกชนต้องการโซลูชั่นกล้องวงจรปิดที่มีนวัตกรรมตอบโจทย์ด้านสุขอนามัย-นิวนอร์มอลมากขึ้น เช่น การตรวจว่าบุคคลในภาพใส่หน้ากากอนามัยหรือไม่ หรือระบบตรวจจับ-จดจำใบหน้าสำหรับควบคุมการเข้าอาคาร เพื่อใช้แทนการแลกบัตร เป็นต้น ซึ่งขณะนี้ภาคอุตสาหกรรมส่งสัญญาณพร้อมลงทุนหากมีโซลูชั่นที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มศักยภาพการผลิตของโรงงานได้

สำหรับพานาฯเองจะใช้ความเปลี่ยนแปลงนี้ชิงความได้เปรียบในการแข่งขัน ด้วยการเน้นฟังก์ชั่นอัจฉริยะและโซลูชั่นครบวงจร ล่าสุดเปิดตัวกล้องและซอฟต์แวร์รุ่นใหม่ที่มีฟังก์ชั่นตรวจจับ-วิเคราะห์ใบหน้า และนำสินค้าอื่น ๆ ในเครือมาร่วมเป็นโซลูชั่นครบวงจร เช่น ระบบควบคุมประตู หรือฟังก์ชั่นอ่านป้ายทะเบียนรถ เป็นต้น รวมทั้งการโปรโมตจุดแข็งด้านซอฟต์แวร์ควบคุมกล้องที่สามารถรองรับจำนวนกล้องได้มากกว่า 64 ตัว และไม่มีค่าบริการเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นค่ารายเดือน-ปี หรือการเพิ่มจำนวนกล้องในระบบ แตกต่างจากคู่แข่งที่จะมีค่าใช้จ่ายเหล่านี้เพิ่ม

“ทุกวันนี้แค่ความคมชัดไม่เพียงพอแล้ว ต้องมีฟังก์ชั่น-นวัตกรรมต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์ด้านอื่น ๆ เช่น ลดต้นทุนธุรกิจ หรือความปลอดภัยอีกด้วย จากแนวทางการรุกตลาดดังกล่าวและการมีโครงการที่รอส่งมอบที่มีอยู่ในมือจำนวนหนึ่ง จะช่วยให้รายได้ปีนี้ฟื้นกลับไปเท่ากับปี 2562 ได้” นางสาวราณีกล่าว

โควิดสร้างดีมานด์ใหม่

นางสาวพีชญา เตชผาติพงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด บริษัท หางโจว อีซี่วิซ เน็ตเวิร์ค จำกัด ผู้แทนจำหน่ายกล้องวงจรปิดสัญชาติจีน “อีซี่วิซ” กล่าวในเรื่องนี้ว่า การระบาดของโควิด-19 ช่วยกระตุ้นดีมานด์กล้องวงจรปิดในเซ็กเมนต์ลูกค้าครัวเรือนเติบโตขึ้น โดยเฉพาะกล้องแบบไร้สายที่มีจุดเด่นในเรื่องการติดตั้ง ที่ง่าย ไม่ต้องอาศัยช่าง สามารถสั่งซื้อผ่านออนไลน์และนำมาใช้งานได้ทันที

อีกทั้งยังมีฟังก์ชั่นสื่อสาร 2 ทิศทาง สามารถใช้แทนโทรศัพท์ได้ ทำให้ผู้บริโภคมีการใช้งานในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นติดตาม-สื่อสารกับญาติ และสัตวเลี้ยงที่อาศัยอยู่คนละบ้าน-จังหวัด รวมถึงดูพนักงานส่งสินค้า-อาหาร หลังจากการช็อปออนไลน์และบริการส่งอาหารได้รับความนิยมสูงขึ้น

ในอนาคตแม้ว่าการแพร่ระบาดของโควิดจะคลี่คลายหรือจบลง แต่โดยส่วนตัวยังเชื่อว่าในแง่ของดีมานด์เหล่านี้จะยังคงอยู่ เนื่องจากยังมีปัจจัยบวกอื่น ๆ เข้ามาเป็นตัวสนับสนุน เช่น สังคมสูงวัย เทรนด์ช็อปออนไลน์-ดีลิเวอรี่ที่มาแรงในกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ตั้งแต่ก่อนการระบาดคอยผลักดันอยู่

อย่างไรก็ตาม จากดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว อีกด้านหนึ่งก็จะทำให้ตลาดมีการแข่งขันราคาที่ดุเดือดขึ้น โดยปัจจุบันผู้เล่นหลัก ๆ เป็นแบรนด์จีน 5-6 ราย เช่น อีซี่วิซ, เสียวหมี่, ไอมู่ ฯลฯ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ละรายก็จะพยายามเสริมจุดขายด้านฟังก์ชั่น เช่น ระบบตรวจจับบุคคล คุณภาพภาพในที่มืด สามารถกันน้ำ-ฝุ่น เป็นต้น

นางสาวพีชญากล่าวว่า ในครึ่งปีหลังมีแผนเปิดตัวสินค้ากว่า 10 รายการ และจะเน้นการเพิ่มช่องทางจำหน่ายให้ครอบคลุมมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีดิสทริบิวเตอร์ 6 ราย อาทิ ซินเน็ก เอสไอเอส รวมทั้งการมุ่งขยายช่องทางโมเดิร์นเทรดอย่าง เชนร้านฮาร์ดแวร์-แต่งบ้าน หลังเข้าไปวางจำหน่ายในเพาเวอร์บาย ร้านกล้องวงจรปิด และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซแล้ว พร้อมขยายฐานลูกค้าจากภาคครัวเรือนไปสู่เอสเอ็มอี เช่น ร้านค้า ร้านอาหาร โรงเรียน เป็นต้น

พร้อมกับเน้นสื่อสารด้านคุณภาพสินค้าที่รุ่นกันน้ำ-ฝุ่น รวมถึงฟังก์ชั่นเอไอตรวจจับบุคคล ผ่านสื่อและบรรดาอินฟลูเอนเซอร์ด้านต่าง ๆ รวมถึงทยอยเปิดตัวสินค้าสมาร์ทโฮมที่ใช้งานร่วมกันอย่าง กลอน-กระดิ่งประตู โคมไฟ ฯลฯ เพื่อเพิ่มความหลากหลายในการใช้งาน ซึ่งมั่นใจว่าปีนี้จะสามารถทำยอดขายได้ 10 ล้านบาทต่อไตรมาส หรือรวมทั้งปีที่ 40 ล้านบาท

แบรนด์จีนครองตลาด

แหล่งข่าวระดับสูงจากวงการกล้องวงจรปิดเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปัจจุบันตลาดกล้องวงจรปิดระดับแมสกลายเป็นสนามแข่งขันของแบรนด์จีนโดยสมบูรณ์แล้ว ปัจจุบันมีผู้เล่นรายใหญ่เพียง 2 แบรนด์ คือ ฮิควิชั่น และต้าหัว โดยความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเริ่มเห็นภาพชัดเจนเมื่อสักประมาณ 3 ปีที่ผ่านมา จากการที่แบรนด์จีนเข้ามาเปิดสำนักงานในไทยอย่างเป็นทางการ มีการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการและรุกเต็มที่ ด้วยคุณภาพสินค้าที่ดีขึ้นและราคาจับต้องง่าย จากขนาดธุรกิจที่ใหญ่ช่วยให้ต้นทุนต่ำลง

“การแข่งขันราคาที่ดุเดือด ประกอบกับกล้องไร้สายมีราคาไม่สูง ราคาเพียงหลักร้อย-พันบาทต้น ๆ และสามารถติดตั้งได้เอง ส่งผลให้ช่างติดตั้งปิดตัวไปจำนวนมาก เช่นเดียวกับแบรนด์สัญชาติอื่น ๆ ที่ไม่สามารถแข่งขันราคาได้จึงทยอยลดบทบาทลงไปด้วยเช่นกัน”