เซ็ปเป้ ส่ง บิวติ ดริ้งค์ กลิ่นเทอร์ปีนนำร่องรุกตลาดเครื่องดื่มผสมกัญชา

เซ็ปเป้ เปิดตัว “เซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์ กรีน รีแล็กซิ่งคาล์ม” กลิ่นเทอร์ปีน นำร่องปูพรมตลาดเครื่องดื่มผสมกัญชา รุกตลาดเครื่องดื่มครึ่งปีหลัง พร้อมจัดทัพสินค้าใหม่สยายปีกต่างประเทศไม่หวั่นวิกฤตตู้คอนเทนเนอร์ขาด หลังการกระจายวัคซีนทั่วถึง มั่นใจสิ้นปียอดโต 10-15%

วันที่ 14 มิถุนายน 2564 นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการรองรับกระแสเครื่องดื่มกัญชา และเตรียมความพร้อมก่อนที่ภาครัฐจะอนุญาตให้มีการจำหน่ายเครื่องดื่มผสมกัญชาในประเทศไทย

ล่าสุด บริษัทได้หยิบเอาสินค้าที่เคยเป็นกระแสโด่งดังกลับมาเพิ่มสีสันด้วยการผสมนวัตกรรม กลิ่นกัญชา (เทอร์ปีน) ซึ่งเป็นกลิ่นลักษณะเดียวกับในใบกัญชามาใช้เป็นส่วนผสม นำมาสร้างความแปลกใหม่และเพิ่มทางเลือกใหม่ ๆ ให้กับกลุ่มลูกค้าที่เป็นวัยรุ่นหรือบุคคลทั่วไปที่สนใจ และอยากทดลองกลิ่นเทอร์ปีนในเครื่องดื่ม ถือเป็นการชิมลาง ก่อนที่กฎหมายจะปลดล็อกให้ใช้พืชกัญชาได้ในอนาคต

ปิยจิต รักอริยะพงศ์

โดยล่าสุดได้เปิดตัวเครื่องดื่มเซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์ กรีน รีแล็กซิ่งคาล์ม (Green Relaxing Calm) กลิ่นเทอร์ปีน และสารสกัดจากลาเวนเดอร์ คาโมไมล์ & แอล-ธีอะนีน ไม่มีส่วนผสมจากน้ำตาล แคลอรี่ต่ำ ดื่มง่ายได้ทุกวัน ในราคาขวดละ 20 บาท วางจำหน่ายที่ร้านสะดวกซื้อ 7-11 ทุกสาขาทั่วประเทศ

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SAPPE กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์เซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์ สูตรกรีน รีแล็กซิ่งคาล์ม (Green Relaxing Calm) ถือว่าได้รับผลตอบรับดีมาก สามารถเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ และขยายครอบคลุมได้หลากหลายกลุ่มมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะเป็นส่วนช่วยสนับสนุนรายได้ตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม บริษัทเตรียมทยอยออกสินค้าใหม่ต่อเนื่องกว่า 20 SKUs ในช่วงที่เหลือของปีนี้

ขณะที่ภาพรวมตลาดในต่างประเทศมีแนวโน้มดีขึ้น แม้ยังต้องเผชิญกับปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน แต่หลาย ๆ ประเทศทั่วโลกได้รับการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น จึงคาดว่าจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวของตลาดต่างประเทศอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ไตรมาส 2/64 เป็นต้นไป โดยเฉพาะการส่งออกไปอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ที่เข้าสู่ช่วง High Season ขณะที่รายได้ในประเทศยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ ทำให้ผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกยังคงทรงตัว อย่างไรก็ตามคาดว่าจะฟื้นตัวได้ในครึ่งปีหลัง และจะช่วยสนับสนุนเป้าหมายผลการดำเนินงานของบริษัทให้มีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10-15%