วงจรปิดจีนทุ่มหนัก “อีซี่วิซ” ปั้นแบรนด์-โปรฯราคาจับ SMEs

“อีซี่วิซ” วงจรปิดแดนมังกรรุกชิงดีมานด์ช่วงโควิด เปิดแผนสร้างแบรนด์-สร้างการรับรู้ ระดมอินฟลูเอนเซอร์ช่วยสื่อสาร ควบคู่โปรโมชั่นราคา-แถมของพรีเมี่ยม เจาะกลุ่มเอสเอ็มอีร้านค้า-ร้านอาหาร เตรียมปูพรม 10 สินค้าใหม่กล้อง-สมาร์ทโฮม พร้อมขยายช่องทางจำหน่ายรุกร้านต่อเติม-ตกแต่งบ้าน หวังชิงเบอร์ 1 ใน 3-5 ปี

นางสาวพีชญา เตชผาติพงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด บริษัท หางโจว อีซี่วิซ เน็ตเวิร์ค จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายกล้องวงจรปิดแบรนด์ “อีซี่วิซ” ที่แยกตัวออกจากฮิควิชั่น (Hikvision) ยักษ์กล้องวงจรปิดสัญชาติจีน เพื่อโฟกัสตลาดผู้ใช้ในครัวเรือน เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า แนวทางการดำเนินงานของบริษัทจากนี้ไป แม้การระบาดของโรคโควิด-19 จะทำให้ผู้บริโภคต้องใช้เวลาอยู่บ้านหรือพักมากขึ้น อีกด้านหนึ่งอาจจะทำให้หลาย ๆ ฝ่ายมองว่าความต้องการใช้กล้องวงจรปิดอาจจะลดลงเพราะไม่จำเป็นต้องเฝ้าระวังความปลอดภัยของบ้าน

แต่ช่วง 1 ปีที่ผ่านมาพบว่าดีมานด์กล้องวงจรปิดแบบไร้สายที่มีจุดเด่นที่ผู้ใช้ติดตั้งได้เอง และสามารถสื่อสารได้แบบ 2 ทิศทางกลับเติบโตขึ้นทั้งในไทยและทั่วโลก เนื่องจากสภาพนิวนอร์มอลทำให้คนรุ่นใหม่ต้องการใช้งานกล้องวงจรปิดในรูปแบบใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการดูแล-สื่อสารกับญาติที่อยู่ต่างจังหวัดแทนการเดินทางไปหา หรือการติดตามการส่งพัสดุ-บริการดีลิเวอรี่ที่ความนิยมพุ่งสูงขึ้นในช่วงการระบาด

ทั้งนี้ เชื่อว่าแม้การระบาดจะคลี่คลายแต่การใช้งานเหล่านี้ยังมีต่อไป เพื่อชิงโอกาสเหล่านี้ บริษัทจึงเข้ามาตั้งสำนักงานในประเทศไทยเมื่อปี 2563 เพื่อทำตลาดโดยตรง หลังจากที่ผ่านมาใช้ทรัพยากรต่าง ๆ รวมกับฮิควิชั่น พร้อมตั้งดิสทริบิวเตอร์และผู้ให้บริการหลังการขาย 6 รายจากกลุ่มสินค้าไอที อาทิ ซินเน็ค เอสไอเอส และเดินหน้าแต่งตั้งเพิ่มอย่างต่อเนื่อง

โดยเริ่มทำตลาดเมื่อไตรมาส 1 ปี 2564 มุ่งสร้างการรับรู้แบรนด์กับผู้บริโภคที่อยู่ในวงการเทคโนโลยี รวมถึงร้านค้า ร้านอาหาร ฯลฯ เพื่อขยายฐานไปยังกลุ่มใหม่ ๆ ด้วยการใช้อินฟลูเอนเซอร์จากกลุ่มเหล่านี้ รวมถึงลูกค้ามาสร้างคอนเทนต์เผยแพร่ทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก เน้นชูจุดแข็งด้านคุณภาพการผลิตและฟังก์ชั่นเสริมอย่างการกันน้ำ-ฝุ่น หรือระบบตรวจจับบุคคล เช่นเดียวกับการเพิ่มไลน์อัพสินค้าสมาร์ทโฮม เช่น กลอนประตูไฟฟ้า, กระดิ่งประตู, โคมไฟ ที่ทำงานร่วมกับกล้องได้ โดยครึ่งปีหลังจะเปิดตัวสินค้าใหม่ทั้งกลุ่มกล้องวงจรปิดและสมาร์ทโฮมรวมกันประมาณ 10 รุ่น

รวมทั้งการเดินหน้าเจรจากับกลุ่มร้านค้าฮาร์ดแวร์และตกแต่งบ้านเพื่อนำสินค้าเข้าไปวางจำหน่าย จากเดิมที่วางจำหน่ายในร้านไอทีเป็นหลัก พร้อมโปรโมชั่นที่มีความถี่มากขึ้นทั้งในกลุ่มลูกค้าทั่วไปและคู่ค้า นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างศึกษาการตั้งทีมงานบริการหลังการขายมาดูแลระบบคอลเซ็นเตอร์และโซเชียลเน็ตเวิร์ก เพื่อตอบคำถามเกี่ยวกับสินค้าและการใช้งาน

“เนื่องจากเราเป็นแบรนด์ใหม่ในตลาด ดังนั้น ในปีแรกนี้บริษัทจะเน้นการสร้างแบรนด์เป็นหลัก ส่วนยอดขายตั้งเป้าไว้ประมาณ 10 ล้านบาทต่อไตรมาส หรือรวม 40 ล้านบาทต่อปี และมั่นใจว่าจะสามารถขยายตัวและขึ้นเป็นผู้เล่นระดับท็อปได้ภายใน 3-5 ปี” นางสาวพีชญากล่าว