เซ็ปเป้ปูพรมเครื่องดื่มกัญชา ส่งทัพสินค้าใหม่เร่งปั๊มยอด

“เซ็ปเป้” ปรับทัพฝ่าโควิด ชูกลยุทธ์ “คอลลาบอเรชั่น” ดึงพันธมิตรเสริมแกร่งงานขาย ปูพรมเครื่องดื่มใหม่ 20 รายการ รุกตลาดครึ่งปีหลัง ก่อนลุยเครื่องดื่มกัญชา 2 รายการ หลังปลดล็อกใบอนุญาตช่วงไตรมาส 4 มั่นใจสิ้นปีโกยยอดโต 10-15% หลังปัจจัยบวกวัคซีน-เปิดประเทศปลุกความเชื่อมั่นกำลังซื้อ

นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า แผนงานในครึ่งปีหลังนี้ บริษัทจะให้ความสำคัญกับการทำตลาดเชิงรุกมากขึ้น ทั้งในส่วนของการเปิดตัวสินค้า และการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่หลากหลาย ในการใช้กลยุทธ์ “คอลลาบอเรชั่น” (การร่วมมือ) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์หลักที่บริษัทจะนำมาใช้เพื่้อสร้างการเติบโต โดยได้มีการเตรียมกลยุทธ์ไว้หลากหลายในการรุกตลาดเครื่องดื่มอย่างรอบด้าน ทั้งแบรนด์เดิมและแบรนด์ใหม่ เพื่อสร้างการเติบโตในครึ่งปีหลัง

เนื่องจากมองว่าการปูพรมฉีดวัคซีนบวกกับมาตรการเปิดประเทศ และภูเก็ตแซนด์บอกซ์ จะเป็นปัจจัยสำคัญในการฟื้นเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงดึงนักท่องเที่ยวให้กลับมา ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นด้านกำลังซื้อในประเทศให้ฟื้นได้

หลังจากช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา บริษัทเติบโตเพียง 2.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือมีกำไรสุทธิ 85.0 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นผลมาจากการปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับภาวะตลาดที่ชะลอตัวจากการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ โดยเฉพาะการบริหารจัดการต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ตลอดจนการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนที่ดีกว่าเดิม ขณะที่รายได้รวมทำได้ 772.6 ล้านบาท ลดลง 8.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งมีรายได้รวม 844.3 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลการดำเนินงานที่ดี เนื่องจากในไตรมาสนี้ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ส่งผลกระทบให้ยอดขายเติบโตลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า

นางสาวปิยจิตกล่าวว่า โดยในครึ่งปีหลังนี้ บริษัทได้เตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่กว่า 20 รายการ ทั้งกลุ่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เครื่องดื่มผสมวิตามิน รวมไปถึงเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกัญชง-กัญชา โดยจะเริ่มทยอยวางจำหน่ายในเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป ขณะเดียวกัน เพื่อเป็นการรองรับกระแสเครื่องดื่มกัญชาและเตรียมความพร้อมก่อนที่ภาครัฐจะอนุญาตให้มีการจำหน่ายเครื่องดื่มผสมกัญชาในประเทศไทย

ซึ่งคาดว่าจะมีการออกใบอนุญาตในช่วงปลายไตรมาส 3 หรือไตรมาส 4 นี้ บริษัทมีแผนจะเปิดตัวเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกัญชา ทั้งแบรนด์เก่าและแบรนด์ใหม่อีก 2 รายการ ภายใต้งบประมาณราว 2-3% ของงบฯการตลาด ก่อนจะต่อยอดไปยังกลุ่มผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ในอนาคต อาทิ สแน็ก หลังจากช่วงที่ผ่านมาได้เปิดตัว “เซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์ กรีน รีแล็กซิ่งคาล์ม” กลิ่นเทอร์ปีน ที่เป็นการนำร่องทำตลาดเครื่องดื่มผสมกัญชาเพื่อสร้างความคุ้นเคยให้แก่ผู้บริโภคก่อนที่กฎหมายจะอนุญาต

“การออกสินค้าใหม่ บริษัทจะเน้นการนำวัตถุดิบท้องถิ่น มาเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น รวมถึงการร่วมมือกับผู้ประกอบการขนาดกลาง-เล็กในท้องถิ่น พัฒนาและต่อยอดวัตถุดิบท้องถิ่นมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผู้บริโภคให้การยอมรับ ขณะที่กระแสเครื่องดื่มกัญชา หรือผลิตภัณฑ์จากกัญชาในช่วงที่ผ่านมาอาจจะมีซาลงไปบ้างตามสถานการณ์การระบาดของโควิด และอยู่ในระหว่างการออกใบอนุญาต แต่เชื่อว่าหลังจากที่มีการอนุญาตให้จำหน่ายได้กระแสจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง”

นางสาวปิยจิตกล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกันยังมองหาโอกาสในการทำตลาดสินค้ากัญชาในต่างประเทศ แถบประเทศที่กลุ่มสินค้าจากกัญชาได้รับความนิยม และสามารถนำเข้าไปทำตลาดได้ โดยมองว่ากระแสสินค้ากัญชาในปัจจุบันถือเป็นเมกะเทรนด์ของโลกที่มาแรง ขณะที่ในประเทศไทยคงต้องรอดูทิศทางในตลาดสักระยะจึงจะสามารถประเมินการเติบโตและโอกาสทางการตลาดได้มากกว่านี้ อย่างไรก็ตาม บริษัทวางเป้าหมายเติบโต 10-15% จากปีที่ผ่านมา ทั้งนี้เป็นผลมาจากกำลังซื้อในต่างประเทศเริ่มฟื้นตัวขึ้น รวมถึงปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลนที่คลี่คลายลง ทำให้มีรายได้จากการส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้น


ขณะที่กลยุทธ์ในเรื่องพาร์ตเนอร์กับหลายแบรนด์ จะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ยอดขายบวกขึ้นมาบ้างเล็กน้อย 5-10% ปัจจุบันมีสัดส่วนยอดขายจากต่างประเทศ 55% ครอบคลุม 90 ประเทศทั่วโลก และยอดขายในประเทศ 45%