หลังเผชิญสภาพซบเซามานานกว่า 4 ปี ล่าสุดดูเหมือนเส้นทางธุรกิจค้าปลีกของฮ่องกงกลับมาสดใสอีกครั้ง หลังนักวิเคราะห์หลายสำนักต่างชี้ว่า การฟื้นตัวต่อเนื่อง 7 เดือนของช็อปปิ้งเดสติเนชั่นแห่งนี้มีโอกาสขยายต่อไปในปีหน้า ส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์ฝุ่นตลบไปทั่วเกาะ เมื่อบรรดาแบรนด์สินค้าพยายามชิงพื้นที่ทำเลทอง ในขณะที่อีกกลุ่มใช้โอกาสนี้ต่อรองกับเจ้าของพื้นที่เพื่อรีโนเวตหรือขยายร้านโดยแทบไม่เสียค่าใช้จ่าย
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการค้าปลีกบนเกาะฮ่องกงพากันประกาศผุดสาขาใหม่และย้ายทำเล รวมถึงรีโนเวตร้านแบบพร้อมเพรียงกัน โดยมุ่งเป้าไปยังทำเลทองในย่านช็อปปิ้งสำคัญที่ยังว่างอยู่ อาทิ เชนร้านจิวเวลลี่
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- รักษาการอธิบดี DSI เปิดเงื่อนไข “ขนย้ายกากแคดเมียม” เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่
“แฮรี วินสตัน” (Harry Winston) ที่เตรียมเปิดสาขาใหม่ในโรงแรมแมนดารินซึ่งตั้งอยู่ในย่านเซ็นทรัลของฮ่องกง ซึ่งเคยเป็นร้าน “เฟอรากาโม” (Ferragamo) มีกำหนดเปิดทำการต้นปี 2561 เช่นเดียวกับร้านนาฬิกา “ฮาวน์กลาส” (Hourglass) ย้ายจากโรงแรมอิมพีเรียลไปที่ฮอลิเดย์อินน์ในย่านจิมซาจุ่น
โดย “ไซมอน สมิตท์” หัวหน้าฝ่ายวิจัยและให้คำปรึกษาของบริษัทวิจัยซาวิล อธิบายปรากฏการณ์นี้ว่า ช่วงซบเซาที่ผ่านมาบีบให้หลายแบรนด์ต้องลด
สาขาในทำเลติดถนนหรือในโรงแรมซึ่งค่าเช่าสูงมากลง ทำให้ซัพพลายพื้นที่ค้าปลีกกลุ่มนี้ล้นตลาด เมื่อมีกระแสฟื้นตัว แบรนด์จึงใช้โอกาสนี้ปักธงทำเลทองด้วยค่าเช่าที่ ถูกแบบเหลือเชื่อ อย่างเช่นร้านท็อปช้อปที่สามารถต่อสัญญาเช่าพื้นที่ย่านถนนควีนด้วยส่วนลดถึง 50%
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ช่วยหนุนกลุ่มห้างสรรพสินค้าให้เป็นตัวเลือกที่โดดเด่นขึ้น เนื่องจากค่าเช่าเดิมอยู่ในระดับที่คู่ค้าพอรับได้อยู่แล้วและไม่ปรับขึ้นมากนัก ต่างจากค่าเช่าพื้นที่ติดถนนซึ่งปรับขึ้นต่อเนื่อง 7 ปีซ้อน
ด้านร้านค้ากลุ่มจิวเวลรี่และสินค้าหรูยังเดินหน้าขยายสาขาได้เพราะมีดีมานด์จากนักท่องเที่ยวต่อเนื่อง แต่กลุ่มเครื่องสำอางและเครื่องใช้ไฟฟ้าซึ่งมีการแข่งขันสูงยังต้องลดสาขาลง
ความเคลื่อนไหวนี้จะทำให้หน้าตาแหล่งช็อปปิ้งของฮ่องกงเปลี่ยนแปลงไปด้วยบรรดาร้านใหม่ ๆ ที่เข้ามาแทนที่รายเก่า