กิฟฟารีนระดมอาหารเสริม ฝ่าขายตรง 6 หมื่นล้านซบหนัก

โควิดกระทบธุรกิจขายตรง 6.9 หมื่นล้าน ทรุดตัวต่อเนื่อง “กิฟฟารีน” จัดทัพใหม่ลุยครึ่งปีหลัง เดินหน้าส่งอาหารเสริม-สกินแคร์ รับกระแสตลาดสุขภาพมาแรง ลุยขายออนไลน์ ควบโปรโมชั่นส่งฟรีในระยะ 15 กม. ตอบโจทย์ พร้อมให้สิทธิประโยชน์ปันผลสูงสุด 25% จูงใจสมัครสมาชิก มอบส่วนลดซื้อสินค้า-โบนัส เพิ่มดีกรีให้สมาชิกทำงานได้ง่ายขึ้น

นายพงศ์พสุ อุณาพรหม ผู้อำนวยการใหญ่สายงานการตลาด บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ลากยาวตั้งแต่ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้ธุรกิจต้องเผชิญกับปัจจัยลบรอบด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ลดลง ผู้คนระมัดระวังการจับจ่ายมากขึ้น ขณะเดียวกันธุรกิจขายตรงยังมีข้อจำกัดในการขายระหว่างนักธุรกิจและลูกค้า จากปัจจัยที่เกิดขึ้นในแง่ของรูปแบบการทำงานต้องปรับตามมาตรการรัฐบาล ทำให้อุตสาหกรรมขายตรงชะลอตัวต่อเนื่อง

ส่งผลให้ภาพรวมตลาดทรงตัวที่ 69,000 ล้านบาท ตลอดช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ดี ยังมีผู้ประกอบการธุรกิจขายตรงบางส่วนทั้งค่ายเล็กค่ายใหญ่ที่ค่อนข้างปรับตัวได้ดี และยังคงเรียนรู้ที่จะพัฒนาตัวเองและใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยทำงาน ทำให้สามารถประคองตัวเองได้ในภาวการณ์ดังกล่าว เพียงแต่ต้องยอมรับกับสภาพยอดขายที่ลดลง เพื่อประคับประคองธุรกิจให้อยู่รอดต่อไป

ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการต้องหากลยุทธ์ใหม่ ๆ ทั้งการเพิ่มแบรนด์สินค้าให้หลากหลาย มีจุดขายที่น่าสนใจ และราคาที่เข้าถึงง่าย เข้ามาเป็นตัวเลือกให้ผู้บริโภค โดยที่ผ่านมาผลิตภัณฑ์ที่มีสัดส่วนยอดขายในตลาดขายตรงมากสุด ประกอบด้วย กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ตามด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ความงามและดูแลผิว และกลุ่มผลิตภัณฑ์ภายในบ้าน โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริมถือว่าเป็นกลุ่มที่มาแรงและมียอดขายสูงสุดในปีนี้ เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ประชาชนหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น

เช่นเดียวกับบริษัทที่ผ่านมามีการปรับตัวมาต่อเนื่อง ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยส่งเสริมงานขายในรูปแบบต่าง ๆ ทำให้ปัจจุบันกิฟฟารีนมีช่องทางจำหน่ายสินค้าผ่านออนไลน์หลากหลายรูปแบบ นอกจากนี้ยังมีการพบปะกับลูกค้าอยู่เป็นระยะ ๆ ผ่านการประชุมทีมและจัดงานอีเวนต์ผ่านออนไลน์ ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่บริษัทนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยทำมาร์เก็ตติ้ง แต่ในทางกลับกันต้องยอมรับว่า ก่อนเกิดสถานการณ์โควิดสามารถทำการตลาดได้มีสีสันและมีวาไรตี้มากกว่า เห็นได้จากผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2564 ยังทรงตัวถ้าเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปี 2563 ที่ผ่านมาเติบโตขึ้น

แต่ในไตรมาส 2 และไตรมาส 3 รายได้เริ่มลดลง เนื่องจากในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากยอดผู้ติดเชื้อ และผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้คนไม่มีความเชื่อมั่นในการจับจ่าย แต่อีกด้านหนึ่งยังมีบางกลุ่มที่ยังเลือกซื้อสินค้าจำเป็นเท่านั้น

นายพงศ์พสุกล่าวต่อถึงกลยุทธ์และทิศทางการดำเนินงานจากนี้ว่า กิฟฟารีนยังคงให้ความสำคัญในการพัฒนาโปรดักต์นวัตกรรมใหม่ ประมาณ 5-6 รายการ หลัก ๆ จะเน้นไปที่กลุ่มอาหารเสริมและของใช้ในบ้าน ที่สามารถสร้างยอดขายได้ดีในช่วงสถานการณ์การระบาดของโควิด ล่าสุดได้เปิดตัวสารสกัดฟ้าทะลายโจร ตามด้วยกระชายขาวสกัด และแพลนต์เบส โปรตีนจากพืช ทำให้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งเข้ามาเพิ่มสัดส่วนของยอดขายรวมได้ และทำให้ตลาดคึกคักและมีความเคลื่อนไหวมากขึ้น

อีกทั้งยังต้องเพิ่มน้ำหนักช่องทางออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพในการใช้งาน เพื่อให้ลูกค้าสามารถสั่งสินค้าได้สะดวกและรวดเร็ว ทั้งช่องทางไลน์แอดและ www.giffarine.com ที่รวบรวมสินค้ามากกว่า 700-800 รายการ โดยปัจจุบันสาขากิฟฟารีน ทำยอดขายได้มากกว่า 50% จากการจัดโปรโมชั่นส่งสินค้าฟรีในรัศมี 15 กิโลเมตร เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกมากขึ้น รวมถึงมีการจัดอบรมเพิ่มความรู้ให้กับนักธุรกิจให้สามารถทำงานให้มีความเชี่ยวชาญและนำมาปรับใช้ในการขยายเครือข่ายนักธุรกิจต่อไป

นอกจากนี้ สิ่งที่ต้องทำควบคู่กันไป คือ มุ่งขยายฐานการสมัครสมาชิก ด้วยประโยชน์ที่หลากหลาย เริ่มตั้งแต่สมัครสมาชิกเพียง 180 บาท และมอบสิทธิประโยชน์ อาทิ ส่วนลดการซื้อสินค้า 25%, ได้รับการคุ้มครองประกันอุบัติภัย และได้รับเงินปันผลตั้งแต่ 10% 15% 25% รวมไปถึงโบนัสสะสมแต้ม โปรแกรมท่องเที่ยว เพื่อดึงดูดให้คนมาสมัครมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่บริษัทค่อนข้างกังวลคือ เรื่องกำลังซื้อที่หดตัว ซึ่งในระยะยาวจะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ จากนี้ต้องติดตามสถานการณ์รายวัน ในสิ้นปีนี้กิฟฟารีนตั้งเป้าเติบโตจากการไดรฟ์ตลาดของผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และการกระจายช่องทางขายให้สะดวกและครอบคลุมมากขึ้น ปัจจุบันกิฟฟารีนมีจำนวนสมาชิกผู้บริโภค 8,044,000 รหัส มีสมาชิกนักธุรกิจ 8 แสนรหัส และมีจำนวนสาขา 105 แห่ง ให้บริการสมาชิกทั่วประเทศ