สธ.ส่ง 39 ทีม CCR จากภูมิภาค ลุยฉีดวัคซีน-ตรวจโควิดคนกรุง 2.5 แสนคน

นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดสธ.
นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดสธ.

สธ.จัดบุคลากรจากภูมิภาคฟอร์มทีม CCR 39 ทีม ช่วยควบคุมโควิด กทม.ช่วงล็อกดาวน์ 4-10 ส.ค. ตั้งเป้าคัดกรองเชิงรุกในชุมชน 2.5 แสนราย หากพบผู้ติดเชื้อนำเข้าระบบการดูแลรักษาที่บ้านและชุมชน จัดเตรียมยาฟาวิพิราเวียร์อย่างน้อย 6 แสนเม็ด พร้อมเดินหน้าฉีดวัคซีนโควิดในกลุ่มเสี่ยง

วันที่ 3 สิงหาคม 2564 นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อโควิดจำนวนมาก แม้จะขยายเตียงรองรับกว่า 1.85 แสนเตียงก็ยังไม่เพียงพอ โดยเฉพาะพื้นที่ กทม.

อย่างไรก็ดี สำหรับกลุ่มผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อย สธ.ได้จัดระบบการดูแลรักษาที่บ้าน (Home Isolation) และที่ชุมชน (Community Isolation) โดยมีศูนย์บริการสาธารณสุข กทม. และคลินิกชุมชนอบอุ่น ดูแลติดตามอาการ และมีหน่วยเชิงรุกในชุมชน หรือ CCR Team สนับสนุนการดำเนินงานใน กทม.ประมาณ 200 ทีม

ส่วนในช่วงล็อกดาวน์ 2 สัปดาห์นี้ (4-10 สิงหาคม) กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับชมรมแพทย์ชนบทจัดหน่วย CCR Team โดยนำบุคลากรสาธารณสุขจิตอาสาหลายสาขาวิชาชีพในภูมิภาค เช่น แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว พยาบาล เภสัชกร เทคนิคการแพทย์ เข้ามาช่วยทำงาน ซึ่งเป็นผู้ที่มีความชำนาญในการจัดบริการปฐมภูมิ

สำหรับบุคลากรดังกล่าวมีจำนวน 39 ทีม มาจากภาคเหนือ 7 ทีม ภาคกลาง 10 ทีม ภาคตะวันออก 2 ทีม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 11 ทีม และภาคใต้ 9 ทีม ร่วมดำเนินการเชิงรุกในพื้นที่ กทม. ระหว่างวันที่ 4-10 สิงหาคมนี้ และคาดว่าจะมีเพิ่มเติมอีกรวมเป็น 40 กว่าทีม

นพ.เกียรติภูมิย้ำว่า หน่วยเชิงรุก CCR Team มีความสำคัญในการช่วยควบคุมสถานการณ์การระบาดในพื้นที่ กทม. เนื่องจากจะเข้ามาช่วยแยกผู้ติดเชื้อในชุมชนไม่ให้เกิดการแพร่เชื้อต่อ โดยทีมดังกล่าวจะเข้าไปตรวจคัดกรองหาผู้ติดเชื้อในชุมชนด้วยชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) หากพบผู้ติดเชื้อนำเข้าสู่การรักษาที่บ้านหรือชุมชนตามระบบ และให้ยารักษา

ส่วนกรณีมีอาการป่วยรุนแรงจะส่งต่อโรงพยาบาล พร้อมกับติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงร่วมบ้านร่วมงานมาตรวจหาเชื้อเพิ่มเติม

นอกจากนี้ อีกหนึ่งหน้าที่สำคัญของทีม CCR คือ การฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กลุ่มเปราะบางในชุมชน เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้พิการ ที่ไม่สะดวกเดินทางออกไปฉีดวัคซีนด้วยตนเอง

นอกจากนี้ ทาง กทม.ยังมีการจัดหาถุงยังชีพ และภาคเอกชนร่วมบริจาคสิ่งของเครื่องใช้อาหารมาสนับสนุน ซึ่งการดำเนินงานทั้งหมดเพื่อลดอัตราการเสียชีวิตและอัตราการใช้เตียงในโรงพยาบาล

สำหรับอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการดำเนินงานของทีม CCR Team กระทรวงสาธารณสุขได้สนับสนุนชุดตรวจ Antigen Test Kit จำนวน 3 แสนชุด

โดยตั้งเป้าหมายตรวจคัดกรองวันละ 35,000 ราย และคาดว่าภายใน 7 วันจะตรวจคัดกรองให้ได้ไม่น้อยกว่า 250,000 ราย ส่วนการประมาณการอาจพบผลบวกราว 15% หรือประมาณ 32,500 ราย

ทั้งนี้ ประมาณ 1 ใน 3 ต้องการยาฟาวิพิราเวียร์จึงสนับสนุนยาฟาวิพิราเวียร์อย่างน้อย 6 แสนเม็ด เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (4 สิงหาคม 2564) เป็นวันแรก