อาร์เอส ทุ่ม 675 ล้าน ปิดดีลสเปเชียลตี้โฮลดิ้งลุยต่อสินค้ากัญชา

อาร์เอส ปิดดีล 675 ล้านบาท เข้าลงทุน 33% ในสเปเชียลตี้โฮลดิ้ง ยักษ์ใหญ่ OEM เครื่องสำอาง-อาหารเสริม-ยาแผนโบราณ-สมุนไพรไทย พร้อมคว้าใบอนุญาต สกัดและผลิตสินค้ากัญชง-กัญชา คลุมต้นน้ำยันปลายน้ำ ลุยสร้างการเติบโตแบบ New S-Curve

วันที่ 17 สิงหาคม 2564 นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจัยโควิดหนุนสินค้าสุขภาพให้เป็นที่สนใจสูง และเป็นเมกะเทรนด์ในระยะยาว ส่งผลให้ตลาดผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและวิตามินมูลค่ากว่า 25,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง

ขณะที่ตลาดส่งออกสมุนไพรไทยก็ได้รับความนิยมมากขึ้น ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และมีแนวโน้มเติบโตสูงเช่นเดียวกัน โดยปีที่ผ่านมามีมูลค่าตลาดสูงถึง 80,000 ล้านบาท ทำให้ธุรกิจผลิตสารสกัดจากสมุนไพรไทยมีอัตราการเติบโตตามไปด้วย

สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์

สำหรับธุรกิจคอมเมิร์ซของอาร์เอส ก็เน้นจัดจำหน่ายสินค้าสุขภาพและความงามในหลากหลายกลุ่ม โดยมี RS Mall เป็นแพลตฟอร์มหลักในการจำหน่ายสินค้าผ่านออนแอร์และออนไลน์

โดยในปี 2564 RS Mall มีรายได้มาจากสินค้าเพื่อสุขภาพถึง 90% และในช่วงที่โรคโควิด-19 ระบาด มีรายได้จากสินค้าเพื่อสุขภาพเพิ่มขึ้นจาก 1,800 ล้านบาทในปี 2562 เป็น 2,100 พันล้านบาทในปี 2563 หรือคิดเป็นสัดส่วน 21%

ดังนั้น อาร์เอส กรุ๊ป จึงมองหาธุรกิจใหม่ที่เข้ามาสนับสนุนการเติบโตและเสริมศักยภาพของธุรกิจคอมเมิร์ซ

ทั้งนี้ การเข้าลงทุนใน บริษัท สเปเชียลตี้ โฮลดิ้ง เป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอว์สำคัญในการขยายศักยภาพในการพัฒนาวิจัยและผลิตสินค้าเพื่อสุขภาพและความงามของ อาร์เอส

เนื่องจาก สเปเชียลตี้ โฮลดิ้ง มีนวัตกรรมและความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล

ทั้งยังเป็นผู้นำด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมสารสกัดธรรมชาติและสมุนไพรไทยที่ใหญ่ที่สุดในโลก อาร์เอส จึงเข้าไปลงทุนในสัดส่วน 33% ด้วยมูลค่าการลงทุน 675 ล้านบาท

โดยปีที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจสเปเชียลตี้ มีรายได้รวมกว่า 491 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 114 ล้านบาท เติบโตกว่า 8 เท่า เป็นผลมาจากตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและอาหารเสริมเติบโตอย่างต่อเนื่อง

และความต้องการสั่งผลิตสินค้ากลุ่มเครื่องสำอาง อาหารเสริม และผลิตภัณฑ์จากสารสกัดธรรมชาติ เพิ่มขึ้นจากลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลให้ต้องเพิ่มกำลังการผลิต เพื่อรองรับการเติบโตตามความต้องการของเทรนด์สุขภาพในปัจจุบัน

โดยบริษัท สเปเชียลตี้ โฮลดิ้ง ประกอบไปด้วยบริษัทย่อยดังนี้

1.บริษัท สเปเชียลตี้ เนเชอรัล โปรดักส์ จำกัด ผู้นำแห่งวงการผลิตสารสกัดสมุนไพรไทยและผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทย

2.บริษัท สเปเชียลตี้ อินโนเวชั่น จำกัด ผู้เชี่ยวชาญนวัตกรรมด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อผลิตเครื่องสำอาง อาหารเสริม และยาแผนโบราณ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับสากล รวมถึงเป็นผู้ผลิตแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ

3.บริษัท คาเน อินโนเวชั่น จำกัด สร้างสรรค์นวัตกรรมแพคเกจจิ้ง ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อนตัว สามารถออกแบบและผลิตได้หลากหลายรูปแบบ

4.บริษัท เวลโนเวชั่นส์ จำกัด วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ และสร้างแบรนด์สำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง และอาหารเสริม เพื่อทำตลาดทั้งในและต่างประเทศ

อย่างไรก็ดี บริษัท สเปเชียลตี้ มีแผนพร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2565

คีย์แมนอาร์เอส กล่าวต่อไปว่า การเข้าร่วมลงทุนในครั้งนี้ เป็นการสร้าง Ecosystem ของ อาร์เอส กรุ๊ป ให้มีขนาดใหญ่ยิ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว และเป็นการสร้าง Synergy ที่แข็งแรง จากการใช้ประโยชน์ร่วมกันทั้งด้านทรัพยากรและจุดแข็งของแต่ละบริษัทตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ

ตั้งแต่การควบคุมคุณภาพตั้งแต่การเพาะปลูก จนถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์ โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยและพัฒนามืออาชีพ ภายใต้การผลิตที่ได้มาตรฐานและคุณภาพสูง

โดยอาร์เอส กรุ๊ป เป็นผู้ทำการตลาด กระจายสินค้าไปยังช่องทางการจัดจำหน่ายต่าง ๆ ที่ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย เติมเต็มทุกความต้องการอย่างครบถ้วน มีเทเลเซลล์กว่า 500 คน ให้บริการลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง มีคลังสินค้าเพื่อการจัดเก็บและบริหารสินค้าด้วยระบบที่มีมาตรฐาน

ที่สำคัญการลงทุนในครั้งนี้ อาร์เอส ยังได้ถือใบอนุญาตในการสกัดและผลิตสินค้ากัญชง-กัญชา ซึ่งจะออกจำหน่ายในช่วงไตรมาส 4 ปี 2564 นี้ นับเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาวร่วมกัน และช่วยเสริมให้ผลการดำเนินงานเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้

ทั้งนี้ ผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2564 ของ อาร์เอส ทำรายได้รวมทั้งหมด 992 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 54 ล้านบาท รายได้รวมยังคงเติบโต 19% จากปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นจากธุรกิจสื่อและบันเทิง ซึ่งเติบโตจากเม็ดเงินโฆษณาที่ฟื้นตัวและรายได้จากการขายคอนเทนต์สู่แพลตฟอร์มออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น คาดว่ารายได้ในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตขึ้นจากการขยายช่องทางการขายผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงาม รวมถึงกลุ่มสินค้าไลน์ใหม่ ๆ ไปสู่ตลาดแมสมากขึ้น