BCH ข้ามโขงปักธงเวียงจันทน์ คนไข้โควิดดัน “รายได้-กำไร” สวนกระแส

กลุ่มบางกอก เชน ฮอสปิทอล สยายปีกบุกอาเซียน ประเดิมสาขาแรกปักธงเวียงจันทน์ เปิดโรงพยาบาลเฉพาะทางครบวงจรขนาด 254 เตียง จับลูกค้ากระเป๋าหนักชาวลาว-ต่างประเทศ เสียงตอบรับดี-อนาคตสดใส เผยผลประกอบการไตรมาส 2/2564 บริการผู้ป่วยโควิด หนุนรายได้-กำไรโตสวนกระแส เล็งทยอยเพิ่มบริการตรวจคัดกรองหาเชื้อ เสริมเตียงผู้ป่วย-ฮอสพิเทล รับมือไวรัสบุกหนัก ย้ำ “โมเดอร์นา” มาตามนัด ทยอยฉีดตุลาคม

ยังเดินหน้าลงทุนขยายสาขาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง สำหรับบริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH หรือที่คุ้นเคยกันในชื่อของกลุ่มโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ที่วันนี้มีโรงพยาบาลในเครือข่ายที่จับกลุ่มเป้าหมายทุกระดับมากถึง 14 โรง ภายใต้การให้บริการของ 4 แบรนด์ ด้วยจำนวนเตียงมากกว่า 2,100 เตียงที่ประกอบด้วย โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ และโรงพยาบาลการุญเวช ล่าสุดเพิ่งเปิดสาขาที่ 15 ที่กรุงเวียงจันทน์ สปป.ลาว

ข้ามโขงปักธงเวียงจันทน์

นายแพทย์เฉลิม หาญพาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดให้บริการโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เวียงจันทน์อย่างเป็นทางการ เป็นการดำเนินการในนามบริษัท บางกอก เชน อินเตอร์เนชั่นแนล (ลาว) จำกัด บริษัทในเครือบางกอก เชนฯ ถือเป็นสาขาแรกใน สปป.ลาว และสาขาแรกในภูมิภาคอาเซียน

เป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ให้บริการการรักษาโรคเฉพาะทางครบวงจรแห่งแรกในนครหลวงเวียงจันทน์ โดยตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 20 ไร่ เป็นโรงพยาบาลขนาด 254 เตียง และ 43 ห้องตรวจ ด้วยมูลค่าการลงทุนรวม 60 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเฟสแรกจะให้บริการ 110 เตียง และจะขยายเต็มศักยภาพในเฟส 2 ต่อไป

นายแพทย์เฉลิมกล่าวด้วยว่า เวียงจันทน์ถือเป็นตลาดที่น่าสนใจและมีศักยภาพการเติบโตที่ดี เน้นจับกลุ่มลูกค้าระดับบนทั้งคนไข้ในท้องถิ่นและคนไข้ชาวต่างชาติ เบื้องต้นมีเสียงตอบรับดีมาก โดยได้รับความสนใจจากทั้งสถานทูตต่าง ๆ ธนาคารพาณิชย์ กลุ่มผู้ประกอบการสภาหอการค้า นักธุรกิจทั้งชาวลาวและชาวต่างประเทศในเวียงจันทน์ ฯลฯ

“เดิมมีแผนจะเปิดให้บริการในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่จากสถานการณ์โควิดที่เกิดขึ้น และรัฐบาลลาวได้มีการประกาศมาตรการล็อกดาวน์เพื่อลดการแพร่ระบาด จึงต้องเลื่อนแผนการเปิดให้บริการออกมาเป็นช่วงเดือนสิงหาคมนี้ การเปิดสาขาในเวียงจันทน์อีกด้านหนึ่งก็เป็นการอำนวยความสะดวกให้ไม่ต้องเดินทางเข้ามาอุดรธานี ขอนแก่น หรือกรุงเทพฯ”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา บริษัท บางกอก เชน อินเตอร์เนชั่นแนล (ลาว) จำกัด ในเครือบางกอก เชนฯ ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 6.6 ล้านหุ้น และขายให้แก่บริษัท ราช-ลาว เซอร์วิส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยภายใต้บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นเงินจำนวน 190 ล้านบาท ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นในบางกอก เชน อินเตอร์เนชั่นแนล (ลาว) เปลี่ยนไปประกอบด้วย บริษัท บางกอก เชนฯ ถือหุ้นในสัดส่วน 68.47% จากเดิม 76% ผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่นรวมกัน 21.62% เดิมรวมกันถือหุ้น 24% และบริษัท ราช-ลาว เซอร์วิส 9.91%

ไตรมาส 2 รายได้เพิ่ม-กำไรพุ่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา บางกอก เชนฯได้รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2564 (เมษายน-มิถุนายน) ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯระบุว่า มีรายได้รวม 4,329.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมาจำนวน 2,228.19 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 106.02% โดยมีกำไรขั้นต้น 1,994.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,304.16 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 188.80% และกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัท 1,145.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 867.13 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 311.26%

สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนสิ้นสุด วันที่ 30 มิถุนายน 2564 รายได้รวมของบริษัทจำนวน 6,713.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนจำนวน 2,414.98 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 56.19% มีกำไรขั้นต้นจำนวน 2,692.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,338.75 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 98.90% มีกำไรก่อนต้นทุนทางการเงิน ภาษีค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจำนวน 2,506.02 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 111.41% สำหรับกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทจำนวน 1,469.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 931.77 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 173.2%

เพิ่มศักยภาพรองรับผู้ป่วยโควิด

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอก เชนฯระบุด้วยว่า สำหรับแนวโน้มการดำเนินงานจากนี้ไป จากสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เกิดขึ้น และอัตราการติดเชื้อมีความรุนแรงและแพร่กระจายเป็นวงกว้าง รวมทั้งโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าที่มีอัตราการแพร่ระบาดและความรุนแรงของโรคสูง ส่งผลให้ภาครัฐดำเนินมาตรการป้องกันและควบคุมโรคที่เข้มงวด ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชน และกระทบต่อการชะลอตัวของภาคธุรกิจ บริษัทและโรงพยาบาลในเครือได้ดำเนินการเพิ่มศักยภาพการให้บริการที่เกี่ยวเนื่องโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง

อาทิ การตรวจคัดกรองที่สถานพยาบาล การตรวจค้นหาเชิงรุก การร่วมให้บริการกักกันทางเลือกการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ทั้งในรูปแบบหอผู้ป่วยเฉพาะกิจ (hospitel) การให้บริการรักษาภายในโรงพยาบาลและบริการฉีดวัคซีนภาครัฐและวัคซีนทางเลือก โดยปัจจุบันบริษัทและโรงพยาบาลในเครือมีศักยภาพในการรองรับการตรวจคัดกรองโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR กว่า 11,500 ตัวอย่างต่อวัน และมีจำนวนห้องสถานกักกันทางเลือก (ASQ) กว่า 2,400 ห้อง มีหอผู้ป่วยเฉพาะกิจ (Hospitel) กว่า 16,100 เตียง และมีเตียงเพื่อรองรับการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อภายในโรงพยาบาลกว่า 1,700 เตียง

นอกจากนี้ บริษัทยังได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปจองวัคซีนทางเลือกโมเดอร์นาที่ภาคเอกชนร่วมจัดหา เพื่อสนับสนุนการกระจายวัคซีนตามแผนการจัดหาของภาครัฐ โดยที่ผ่านมามีผู้สนใจสั่งจองวัคซีนทางเลือกโมเดอร์นาผ่านบริษัทและโรงพยาบาลในเครือเข้ามาเป็นจำนวนมาก ตามแผนคาดว่าจะสามารถให้บริการฉีดวัคซีนดังกล่าวได้ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 เป็นต้นไป

ตุลาฯเริ่มฉีด “โมเดอร์นา”

ก่อนหน้านี้นายแพทย์เฉลิมระบุว่า ที่ผ่านมาจากสถานการณ์โควิด-19 ที่รุนแรงมากขึ้น ประกอบกับการฉีดวัคซีนของประชาชนยังทำได้ไม่มากนัก หรือมีการฉีดเข็มแรกเพียงประมาณ 25% ของจํานวนประชากรทั้งหมด จึงทำให้ความต้องการใช้บริการที่เกี่ยวกับโควิด-19 มีเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มบางกอก เชนได้มีการปรับตัวเพื่อรองรับด้วยการเปิดให้บริการ RT-PCR เพื่อตรวจคัดกรองเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง และมีผู้เข้ารับบริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 2 ที่ผ่านมามีตัวเลขเฉลี่ยประมาณ 6,000 ราย/วัน และตัวเลขดังกล่าวเพิ่มเป็นประมาณ 8,000 ราย/วันในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

เช่นเดียวกับจํานวนผู้ป่วยโควิด-19 ของโรงพยาบาลในเครือที่เพิ่มขึ้นมากในเดือนกรกฎาคมจำนวน 1,400 คน/วัน ในโรงพยาบาล (ระดับสีแดง-สีเหลือง) และประมาณ 7,000 คน/วันใน hospitel (ระดับสีเขียว) คิดเป็นอัตราครองเตียง 95% และ 80% ของจํานวนเตียงในหอผู้ป่วยรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ทั้งหมดตามลําดับ จากแนวโน้มดังกล่าวทำให้โรงพยาบาลในเครือทยอยเพิ่มเตียงในโรงพยาบาลอีกประมาณ 200 เตียง และ 2,000 เตียงใน hospitel

ส่วนการให้บริการฉีดวัคซีนโมเดอร์นาที่กลุ่มโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ได้รับการจัดสรรมา 1.3 ล้านโดส วัคซีนดังกล่าวมีกำหนดส่งมอบในระหว่างเดือนตุลาคม 2564-มกราคม 2565 ซึ่งคาดว่าจะเริ่มทยอยฉีดให้ผู้ที่จองได้ตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคมเป็นต้นไป