JKN ทุ่ม 24 ล้าน ฮุบ High-Shopping รุกโฮมช้อปปิ้ง

JKN ทุ่มงบฯ 24 ล้าน ปิดดีลเข้าลงทุน 51% High-Shopping พร้อมเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 581.73 ล้านบาท รุกโฮมช้อปปิ้ง ขยายศักยภาพการค้าในรูปแบบ D2C ตั้งเป้าปิดปี’64 รายได้ทะลุ 100 ล้านบาท ขณะที่ปี’65 ขยับเป้า 500 ล้านบาท

วันที่ 6 กันยายน 2564 นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่าอานิสงส์โควิดและ WFH ดันภาพรวมอุตสาหกรรมธุรกิจขายสินค้าตรงสู่ผู้บริโภค (Direct-to-Customer หรือ D2C) มีมูลค่าสูงขึ้น

จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์

ล่าสุด JKN Best Life นอกจากจะปรับกลยุทธ์การตลาดแบบยืดหยุ่นทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อให้บริโภคเข้าถึงง่ายเพื่อทำยอดขายให้มากขึ้นแล้วนั้น

บริษัทยังได้เสริมแกร่งธุรกิจคอมเมิร์ซ เข้าลงทุน 51% ของกลุ่มบริษัท ไฮช้อปปิ้ง จำกัด ผู้ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับทีวีโฮมช้อปปิ้งที่มีการเผยแพร่และออกอากาศในรายการที่มีชื่อว่า “High Shopping” ทาง PSI ช่อง 46/GMMZ ช่อง 43/INFOSAT ช่อง 46 / DTV ช่อง 37/เจริญเคเบิ้ล ช่อง 9 TOT IPTV ช่อง 38/AIS Play ช่อง 800/3BB TV ช่อง 88 และ LOOX TV Application

ด้วยเงินลงทุน 24,900,100 บาท พร้อมเงินให้กู้ยืม 10 ล้านบาท และวงเงินกู้อีก 15 ล้านบาท เพื่อรองรับแผนการขยายธุรกิจในอนาคต พร้อมเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 581.73 ล้านบาท

เนื่องจาก High Shopping มีกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย และมีรายการสินค้ากว่า 2,500 รายการ ครอบคลุมทั้งกลุ่มสินค้าด้านแฟชั่นความงาม สินค้าในครัวเรือน เครื่องออกกำลังกาย สินค้าตามสมัยนิยม และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ในรูปแบบนำเข้าและจัดจำหน่ายในประเทศไทยเอง

และมีฐานลูกค้าอยู่ประมาณ 1,000,000 ราย ขณะที่ยอดคำสั่งซื้ออยู่ประมาณ 20,000-40,000 รายการต่อเดือน มีการจ่ายค่าสินค้าและบริการเฉลี่ยที่คนละ 1,000 บาท/บิล หรือมียอดเงินสะพัดที่มากกว่า 200 ล้านบาทต่อปี

ทั้งนี้ การเข้ามาถือหุ้นที่ High Shopping นอกจากมีฐานลูกค้าที่ชัดเจนและแนวโน้มการค้าที่ดีขึ้นแล้ว JKN Best Life ยังได้ทั้ง Business Knowhow ระบบการบริหารจัดการธุรกิจขายสินค้าตรงสู่กลุ่มเป้าหมาย และเจ้าหน้าที่คอลเซ็นเตอร์ ที่มีศักยภาพพร้อมในการดำเนินงานต่อได้ทันที คาดว่าจะสามารถสร้างรายรับเพิ่มอีก 100 ล้านบาทภายในสิ้นปี’64 และตั้งเป้าโกยอีก 500 ล้านบาทในปี’65

“การต่อยอดในครั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับการตลาดยุค 4.0 ที่ว่าด้วยการเชื่อมต่อหรือรวมทุกรูปแบบเข้าด้วยกันแบบบูรณาการจนกลายเป็น O2O (online to offline) แบบ Multi-Channel และเพิ่มเป็น Multi-Level ในรูปแบบการตลาด เพื่อสอดรับเทรนด์ New Normal ซึ่งถือว่าเป็นวิวัฒนาการทางสังคมที่ก้าวเข้าสู่ Digital Economy หรือเศรษฐกิจดิจิทัล ตามแผนยุทธศาสตร์ที่มุ่งมั่นตั้งใจและไม่หยุดนิ่งของ JKN”