นายอนุทินกล่าวว่า จากนี้ไปทางกรมควบคุมโรคจะติดตามว่า หากภูมิคุ้มกันตกลงเมื่อไหร่ ก็ต้องมีการเติมเรื่อย ๆ
วันที่ 16 กันยายน 2564 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการ สธ. พร้อมด้วย นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) และ นพ.ภานุวัฒน์ ปานเหตุ รองอธิบดี สบส. ประชุมทางไกลร่วมกับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ทั่วประเทศ มอบนโยบาย “อสม. พร้อมบอกต่อเรื่อง ATK สำหรับประชาชน”
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- ราคาทองวันนี้ (29 มี.ค. 67) พุ่งกระฉูด 600 บาท ทองรูปพรรณบาทละ 39,050 บาท
- เลิกอุ้มดีเซล 30 บาท จ่อขยับเพดานราคา 2 บาท มีผล 1 เมษายน 2567
• กทม. แจกชุดตรวจ ATK คนละ 2 ชุด 16 ก.ย. ใครได้บ้าง รับที่ไหน เช็ก !
นายอนุทินระบุว่า ชุดตรวจ ATK จำนวน 8.5 ล้านชุด จัดหามาแล้วและจะกระจายให้กับประชาชน โดยมี อสม.คอยให้คำแนะนำแก่ประชาชนในพื้นที่ ซึ่งบางรายยังไม่สามารถตรวจได้เอง ต้องมีคนแนะนำ ทั้งนี้เมื่อมีการตรวจด้วย ATK แล้วก็จะสามารถคัดกรองได้มากขึ้น เมื่อรวมกับระบบการรักษาที่เรียกว่า การแยกกักที่บ้าน Home Isolation หรือการแยกรักษาตัวในชุมชนที่เรียกว่า Community Isolation โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่ยังอยู่ในอัตรามาตรฐาน โดย 80% ของผู้ติดเชื้อมีสุขภาพดี ยกเว้นกลุ่ม 608 ที่อายุมากหรือมีโรคประจำตัว อาจมีการเปลี่ยนเป็นอาการหนัก แต่เมื่อขึ้นทะเบียนในระบบก็สามารถนำส่ง รพ.ได้ สิ่งเหล่านี้สามารถช่วยแก้ปัญหาคอขวดความหนาแน่นใน รพ.ได้
พร้อมย้ำว่า การกำจัดชุด ATK ที่ใช้แล้วยังเป็นเรื่องสำคัญ เพราะหากทิ้งไม่ถูกสุขลักษณะย่อมทำให้เชื้อโรคกระจายได้ ไม่ใช่แค่โรคโควิด-19 แต่อาจมีเชื้ออื่น ๆ ทั้งหวัด วัณโรค เชื้อทางเดินหายใจ พี่น้อง อสม.ต้องระวัง ต้องทิ้งแยก เพราะถือเป็นขยะติดเชื้อ
นอกจากนี้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการ สธ. ยังได้สาธิต การตรวจเชื้อโควิดด้วยชุด ATK ยี่ห้อ Lepu ที่ทาง สปสช.จัดหา พร้อมทั้งแนะนำการใช้ และวิธีการเก็บทิ้งที่ต้องบอกประชาชนว่า อย่าทิ้งลงขยะทั่วไปทันที แต่ต้องจัดเก็บในถุงซิปล็อกที่มากับชุดตรวจ หาถุงมัดอีกรอบและแยกทิ้งให้ชัดเจนว่า เป็นขยะติดเชื้อ โดยก่อนทิ้ง ให้ อสม.ถ่ายรูปผลการตรวจก่อนทุกครั้ง
ขณะเดียวกันนายอนุทินยังกล่าวถึงการฉีดวัคซีนในกลุ่มเจ้าหน้าที่ อสม. ทั้งการฉีดให้กับ อสม.ทุกราย และการบูสเข็ม 3 รวมถึงแผนบูสเพิ่มในอนาคตว่า ขอให้อธิบดีกรมควบคุมโรค ตัดบัญชีส่งวัคซีนให้ อสม. อีก 3 แสนคนในช่วงกลางเดือนตุลาคม เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเพราะอยู่ระหว่างรอคิว และบางส่วนเป็นผู้สูงอายุ โดยจะได้รับซิโนแวคเป็นเข็มแรก จากนั้นได้แอสตร้าฯ
ส่วนผู้ที่ได้รับซิโนแวคไปแล้ว 2 เข็ม สามารถมาบูสเตอร์เข็ม 3 ด้วยแอสตร้าฯ ในเดือนหน้า ส่วนหากใครรับแอสตร้าฯ เข็มแรกแล้ว ไม่มีทางเลือกอื่นก็ต้องรอแอสตร้าฯ เข็ม 2 ส่วนกลุ่มที่รับซิโนแวคเข็มแรกจะตามด้วยแอสตร้าฯ
และจากนี้ไปทางกรมควบคุมโรคจะติดตามว่า หากภูมิคุ้มกันตกลงเมื่อไหร่ ก็ต้องมีการเติมเรื่อย ความยุ่งยากจะไม่มี ทุกวันนี้ยุ่งยาก เพราะเมื่อฉีดเข็มแรกไปแล้ว ต้องรอเข็ม 2 มีการจัดเตรียมความเสี่ยง เผื่อเข็ม 2 มาไม่ทัน ทำให้เกิดความวุ่นวายจัดคิว ต้องขออภัยด้วย เพราะเราต้องการมาตรฐานสูงสุด
“สำหรับ 3 แสนคนอย่าน้อยใจว่าทำไมไม่อยู่ในกลุ่มแรก อาจเป็นเรื่องโชคดี เพราะช่วงหลังพบสูตรการฉีดวัคซีนซิโนแวคเข็มแรก และตามด้วยแอสตร้าฯเป็นเข็มสอง ใช้เวลาระหว่างเข็มเพียง 3 สัปดาห์ แต่ภูมิคุ้มกันกลับสูงกว่าซิโนแวค 2 เข็ม หรือมีความทัดเทียมกับแอสตร้าฯ 2 เข็ม” นายอนุทินกล่าว
ด้านนพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวถึงผลการดำเนินงานของ อสม. ว่า ที่ผ่านมาได้แนะนำประชาชนกลุ่มเป้าหมายให้ลงทะเบียนการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดเป็นจำนวน 4,800,059 คน โดยได้มีการติดตามกลุ่มเป้าหมาย 608 คือ กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปี โรคประจำตัว และหญิงตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป ที่ฉีดวัคซีนโควิด และแยกกักรักษาตัวผู้ป่วยที่บ้านและในชุมชน มีจำนวน 3,538,733 คน ได้รับวัคซีนแล้วจำนวน 1,165,750 คน หรือคิดเป็น 33%
นอกจากนี้ อสม.ยังเฝ้าระวังแรงงานกลับบ้าน โดยเฝ้าระวังคัดกรองกลุ่มเสี่ยง 306,321 คน ติดตามกลุ่มเสี่ยงครบ 14 วัน 259,158 คน มีอาการสำคัญและส่งต่อเจ้าหน้าที่ 16,207 คน
อย่างไรก็ตาม จากการทำงานที่สุ่มเสี่ยงนี้ทำให้ อสม. ติดเชื้อโควิด 56 คน เสียชีวิต 6 คน อาสาสมัครสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร หรือ อสส.ติดเชื้อ 37 คน เสียชีวิต 3 คน ขณะนี้มีการเยียวยา อสม.แล้ว 46 คน ส่วน อสม.และ อสส.ที่เหลือกำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการ