สธ. ร่วมหอการค้าฯ หารือเปิดประเทศปลอดภัย ย้ำระยะแรกเข้มโควิด ฟรี เซ็ตติ้ง

สาธิต ปิตุเตชะ
(แฟ้มภาพ) สาธิต ปิตุเตชะ

สธ. ถกร่วมหอการค้าฯ หามาตรการคลายล็อกกิจการ เปิดประเทศอย่างปลอดภัย ย้ำระยะแรกเข้มโควิด ฟรี เซ็ตติ้ง อนาคตสถานการณ์ฉีดวัคซีนคลุม 70-100% ประชากรอาจเข้มมาตรการลดลง เบื้องต้น ก.ย. ธุรกิจเสี่ยงน้อยทำได้ดี เชื่อ ต.ค. ธุรกิจคลายล็อกระยะถัดไปทำมาตรการดีขึ้น

วันที่ 20 กันยายน 2564 นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยการว่ากระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย ประชุมร่วมกับ คณะกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย หารือแผนการเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างไรให้ปลอดภัย

โดยนายสาธิตเปิดเผยว่า การประชุมในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเตรียมความพร้อมร่วมกันระหว่างกรมอนามัย และหอการค้าไทย เนื่องจากประเภทของกิจการธุรกิจต่าง ๆ มีหลายรูปแบบ ต้องหารือความเข้าใจก่อนเปิดพื้นที่ เพื่อความปลอดภัยในการสกัดการแพร่เชื้อโควิด

ทั้งนี้ ในภาพรวมกว้าง ๆ แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ สิ่งแวดล้อม ผู้ให้บริการ และผู้รับบริการ แต่ละส่วนจะมีแผนรองรับแตกต่างกัน

เบื้องต้น ผู้ให้บริการหรือร้านค้ากิจการต่าง ๆ ต้องผ่านการประเมินความเสี่ยงและความพร้อมของตนเองผ่านแพลตฟอร์มของกรมอนามัย อาทิ Covid-19 Free setting, ไทยเซฟไทย หรือ Thai Stop COVID-19 ซึ่งหน้าที่หลักของหอการค้าไทย คือ สร้างความเข้าใจผ่านการประสานงานกับผู้ประกอบการต่าง ๆ ในแต่ละจังหวัดให้ตรงกัน

ยกตัวอย่างสมมติ กรณีการเปิดกรุงเทพมหานคร ต้องทำตามเงื่อนไขที่ กทม. เห็นสมควร และ ศบค. ต้องเห็นชอบด้วย แต่ในหลายพื้นที่ก็มีความแตกต่างกัน เช่น ที่ผ่านมาตนได้นำเรื่องเข้าที่ประชุมเมดิคัลฮับ เปิดพื้นที่ท่องเที่ยวโซนตะวันออก ประกอบด้วย ระยอง จันทบุรี ตราด ซึ่งต้องปฏิบัติตามมาตรฐานกรมอนามัย เพื่อเตรียมความพร้อมเปิดกิจการของหอการค้าฯ ได้

ส่วนการยกระดับโควิด ฟรี เซ็ตติ้ง ยังเป็นไปตามเกณฑ์ แต่ในช่วงแรกจะต้องมีความเข้มงวด อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์แต่ละพื้นที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการฉีดวัคซีนได้ตามเป้าหมาย หรือกรณี กทม. สามารถปูพรมวัคซีนได้มากขึ้น ส่งผลให้ครอบคลุมประชากร 70-100% มาตรการต่าง ๆ อาจจะลดลงได้

แต่ผู้ประกอบการต้องฉีดวัคซีนพนักงานให้ครบ 100% ควบคู่กับมีการตรวจโควิดในรูปแบบ ATK ซึ่งหากสถานการณ์ดีขึ้นข้อกำหนดก็อาจเปลี่ยนแปลงไป

“การเดินหน้าในครั้งนี้หัวใจสำคัญคือ มาตรการที่มีความเข้มข้น รัดกุม และผู้ประกอบการมีวินัยในการดำเนินการ หากจะเปิดพื้นที่เหมือนต่างประเทศ เช่น ประเทศอังกฤษ เป็นต้น ต้องฉีดกลุ่มเสี่ยงทั้งหลายให้ทั่วถึงและครอบคลุมมากที่สุด เพราะต้องยอมรับว่าในแง่เศรษฐกิจตอนนี้ได้รับผลกระทบมาก แต่หากเปิดไปแล้วต้องยั่งยืน ไม่ใช่เปิดมาแล้วปิดอีก จึงต้องสร้างความเข้าใจร่วมกันก่อนที่จะมีการอนุญาตเปิดนั่นเอง”

ขณะที่ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ปัจจุบันในเดือน ก.ย. เมื่อมีการผ่อนคลายธุรกิจความเสี่ยงน้อยพบว่าทำได้ดี ระยะถัดไปในเดือน ต.ค. คาดว่าธุรกิจที่มีความพร้อมจะมีมาตรการที่ดี

ส่วนเรื่องสาธารณสุข ทางภาคเอกชนจะต้องขอคำปรึกษาและความมั่นใจจาก สธ. จึงเป็นโอกาสที่จะได้ทำงานบูรณาการกันอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มาตรการที่ออกมาใช้ได้ผล ต้องอาศัยแรงจากทางภาคธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นความพร้อมด้านสถานที่ต้องสะอาด ด้านผู้ให้บริการที่มีการฉีดวัคซีนครบถ้วน


“ในเรื่องของผู้รับบริการหรือกลุ่มผู้บริโภค ยังคงต้องปรึกษา สธ. เพื่อให้เกิดความมั่นใจ ด้วยมีการควบคุมดูแลอย่างเข้มงวด หรือมีการตรวจหาเชื้อ ATK ร่วมด้วย จุดนี้ต้องเป็นความร่วมมือและความรับผิดชอบของทุกฝ่าย ไม่ใช่เพียงภาครัฐหรือ สธ. เท่านั้น และเชื่อว่าการทำงานร่วมกันจะช่วยในภาคเศรษฐกิจได้ดี”