“ไดกิ้น” ลุยเครื่องฟอกเต็มสูบ โดดร่วมดวลฟังก์ชั่นฆ่าไวรัส

“ไดกิ้น” โหมเครื่องฟอกอากาศไตรมาส 4 อัดโฆษณาทั้งฟรีทีวี-โซเชียล สร้างรับรู้ลากยาวตั้งแต่สิงหาคม ชูผลวิจัยมหาวิทยาลัยชื่อดังรับรองฟังก์ชั่นฆ่าไวรัสรับกระแสอยู่กับโควิด-19 ก่อนเดินสายชิงลูกค้าองค์กรทั้งโรงหนัง-ค้าปลีก-สำนักงาน เปิดตัว Daikin Marketplace ร้านออนไลน์แบบอินเฮาส์ ลั่นสำรองสินค้า 3 เท่าตัวตามแผนเก็บส่วนแบ่งตลาด เพิ่มจาก 5% เป็น 15%

นายสราวุธ เต็มภัทรศักดิ์ ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไปฝ่ายวางแผนกลยุทธ์ บริษัท สยามไดกิ้นเซลส์ จำกัด ผู้จำหน่ายแอร์ไดกิ้น เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในช่วงโค้งท้ายของปี 2564 นี้ บริษัทมุ่งทำตลาดเครื่องฟอกอากาศอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก เพื่อต่อยอดให้สินค้ากลุ่มนี้เป็นเครื่องมือสร้างรายได้แบบต่อเนื่องตลอดทั้งปีควบคู่ไปกับแอร์ที่เป็นสินค้าหลักเดิม หลังความตื่นตัวเรื่องฝุ่น PM 2.5 และโรคระบาดทำให้สินค้านี้ยกระดับจากของฟุ่มเฟือยเป็นสิ่งจำเป็นของทุกครัวเรือน จนมีดีมานด์ตลอดทั้งปี

โดยอาศัยจังหวะที่ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4 จนถึงเดือนมกราคมเป็นไฮซีซั่นของเครื่องฟอกอากาศและกระแสความต้องการฟังก์ชั่นฆ่าไวรัสโควิด-19 เปิดฉากเร่งทำตลาดมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม เน้นสร้างการรับรู้ให้ผู้บริโภครู้จักสินค้า และย้ำเรื่องนวัตกรรมฆ่าไวรัส “สตรีมเมอร์” ด้วยการทำตลาดพุ่งเป้าไปยังผู้บริโภคโดยตรงเป็นครั้งแรก จากเดิมที่ให้คู่ค้าและดีลเลอร์เป็นผู้สื่อสารและทำโปรโมชั่นกับกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ของตนเอง

ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไปฝ่ายวางแผนกลยุทธ์ของไดกิ้นอธิบายว่า ครั้งนี้บริษัทลงทุนทุ่มงบฯใช้สื่อหลักอย่างฟรีทีวี เน้นยิงโฆษณาในรายการที่ได้รับความนิยมสูง อาทิ เรื่องเล่าเช้านี้ โหนกระแส และอื่น ๆ พร้อมกับขยายสปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง จับมือช้างศึก หรือทีมชาติไทย มาช่วยสร้างการรับรู้ เช่น โพสต์ข้อมูลสินค้าผ่านโซเชียล เพิ่มเติมจากการเป็นสปอนเซอร์จัดการแข่งกีฬา อาทิ ฟุตบอลไดกิ้น ไทยแลนด์ แชมเปียนส์ คัพ ที่จัดอย่างต่อเนื่อง

ตามด้วยกลยุทธ์อะคาเดมิค มาร์เก็ตติ้ง ส่งสินค้าไปทดสอบยืนยันประสิทธิภาพการฆ่าไวรัสโควิด-19 ของฟังก์ชั่นสตรีมเมอร์ที่มหาวิทยาลัยที่เป็นที่รู้จักของคนไทยอย่าง คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล เสริมจากการทดสอบในญี่ปุ่น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับผู้บริโภคชาวไทยโดยเฉพาะ รวมถึงสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งที่มักมีเพียงผลทดสอบจากต่างประเทศ

รวมกับการระดมสื่อออนไลน์ทั้งเฟซบุ๊ก อินฟลูเอนเซอร์ รีวิวเวอร์ ฯลฯ ไปจนถึงนำเครื่องไปติดตั้งในร้านอาหาร-ร้านกาแฟหลายราย เพื่อให้เกิดการทดลองใช้ รวมถึงกำลังศึกษาโมเดลโปรโมชั่นรูปแบบต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจ เน้นผลักดันเครื่องฟอก รุ่น MC40, MC55 และ MCK55 ราคาเริ่มต้น 8,190-15,990 บาท

“โควิด-19 ทำให้คนไทยตื่นตัวเรื่องฟังก์ชั่นฆ่าไวรัสกันมาก เพราะคนเริ่มคิดว่าจะใช้ชีวิตกับโควิดอย่างไร จนกลายเป็นปัจจัยแข่งขันสำคัญในกลุ่มราคาประมาณ 1 หมื่นบาทขึ้นไป และน่าจะช่วยให้ดีมานด์ปีนี้ีดีกว่าปี 2563 สะท้อนจากการมีผู้บริโภค รวมถึงภาคธุรกิจสอบถามเรื่องนี้บนโซเชียลและช่องทางอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับแนวทางการทำตลาดของแต่ละแบรนด์ในช่วงที่ผ่านมา”

ขณะเดียวกันยังเดินหน้ารุกลูกค้าองค์กรทั้งร้านค้า, ร้านอาหาร, โรงภาพยนตร์, อาคารสำนักงาน, โรงพยาบาล ย้ำจุดแข็งด้านความประหยัดจากแผ่นกรองที่ใช้ได้นาน 10 ปี และระบบสตรีมเมอร์ ล่าสุดจับมือโรงภาพยนตร์ เอ็มบาสซี และเมเจอร์พารากอน ทำโปรเจ็กต์ “SUPER CLEAN AIR CINEMA” ปูพรมติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ สตรีมเมอร์ ในเอ็มบาสซี ดิโพลแมท สกรีน และเมเจอร์พารากอน พร้อมต่อยอดฐานลูกค้าแอร์ เพื่อนำเสนอเครื่องฟอกให้กับกลุ่มค้าปลีก, สถานศึกษา, อาคารสำนักงาน ฯลฯ

นอกจากนี้ นายสราวุธเปิดเผยว่า ช่วงต้นเดือนตุลาคมได้เปิดใช้งาน Daikin Marketplace ร้านออนไลน์ที่บริษัทพัฒนาและบริหารเอง ด้วยการรวบรวมดีลเลอร์จากทั่วประเทศมาเปิดหน้าร้านในพื้นที่เดียว เพื่อขายสินค้าทั้งแอร์ และเครื่องฟอกอากาศ รวมถึงให้บริการหลังการขายแบบวันสต็อปช็อปปิ้ง พร้อมโปรโมชั่นผ่อน 0% นาน 10 เดือน ตอบโจทย์ด้านความเชื่อมั่นและบริการติดตั้งที่เป็นความท้าทายของการช็อปเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นใหญ่ผ่านออนไลน์ ในขณะที่บริษัทจะได้ข้อมูลบิ๊กดาต้า เพื่อนำมาต่อยอดสร้างแคมเปญการตลาดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ทั้งนี้ ตั้งเป้ายอดขายเครื่องฟอกอากาศเติบโต 3 เท่าจากปีที่แล้ว และชิงส่วนแบ่งในตลาดนี้ เพิ่มจาก 5% เป็น 15% หลังช่วงไตรมาส 3 สามารถทำยอดขายได้เท่ากับปี 2563 แล้ว