“ณุศาศิริ” โหมธุรกิจสุขภาพ ดันเป้าไทยขึ้นเมดิคอลฮับ

ณุศาศิริบุกหนักธุรกิจเฮลท์แคร์ เปิดแผนแฟรนไชส์ รพ.-ปั้นโรงแรมสู่โมเดลเมืองกัญชา-แตกไลน์ผลิตภัณฑ์กัญชา-กัญชง-ดึงแพลตฟอร์มหมอฮัลโหลเชื่อมโยงธุรกิจ ดันไทยยืน 1 เมดิคอลฮับ รับเปิดเมืองท่องเที่ยวอนาคต แม็กเนตใหม่ดูดต่างชาติอยู่ไทยระยะยาว ตั้งเป้าพอร์ตสุขภาพทำรายได้ 500-800 ล้านบาท แซงอสังหาฯ ภายในไตรมาส 4 ปี’64-ไตรมาส 1 ปี’65

นางศิริญา เทพเจริญ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) และกรรมการบริหาร บริษัท เวิลด์ เมดิคอล อัลไลแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า หลายปีที่ผ่านมาเทรนด์อสังหาริมทรัพย์เริ่มดาวน์ลงเรื่อย ๆ สวนทางกับธุรกิจสุขภาพที่มีแนวโน้มขยายตัวสูง จากปัจจัยการเข้าสู่สังคมสูงวัย และกระแสผู้บริโภคใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ถือเป็นเมกะเทรนด์ของโลก ขณะที่ประเทศไทยเองก็มีแนวคิดการปั้นประเทศขึ้นเป็นเมดิคอลฮับ จุดหมายปลายทางด้านสุขภาพของคนทั่วโลก ณุศาศิริจึงรับลูกนโยบายดังกล่าวและขับเคลื่อนองค์กรไปสู่ธุรกิจเฮลท์แคร์มากขึ้น เพื่อเตรียมรองรับการท่องเที่ยวที่จะกลับมาในอนาคต

ดังนั้น เมื่อราวปี 2563 บริษัทจึงเริ่มแตกไลน์มาสู่ธุรกิจเฮลท์แคร์ ด้วยการทุ่มงบฯลงทุนราว 10 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ (กว่า 300 ล้านบาท) ซื้อแฟรนไชส์ “โรงพยาบาลพานาซี” จากประเทศเยอรมนี และเริ่มขยายโรงพยาบาลไปสู่ประเทศจีนก่อนเป็นอันดับแรก เนื่องจากณุศาศิริทำธุรกิจในตลาดจีน และเห็นช่องว่างค่าเอเยนซี่ในการเข้าถึงโรงพยาบาลดี ๆ ในจีนมีค่าใช้จ่ายสูงมาก จึงได้เปิดโรงพยาบาลเพื่อตอบโจทย์คนจีนกลุ่มดังกล่าว

หลังจากเปิดบริการมาได้ 5 เดือนแรก ก็เริ่มมีกำไรมากถึง 4 ล้านหยวน หรือคิดเป็นเกือบ 21 ล้านบาท ก่อนที่ในไตรมาส 4 ปีนี้จะซื้อกิจการ รพ.พานาซี ในประเทศไทย เพื่อจับกลุ่มคนไทย โดยเน้นไปที่การรักษาในรูปแบบธรรมชาติเป็นหลัก เช่น สเต็มเซลล์และแอนตี้เอจจิ้ง ตลอดจนโนว์ฮาวการรักษาด้วยเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ เป็นต้น

พร้อมกันนี้ เพื่อแก้เกมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังคงติดหล่มจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด ได้นำส่วนที่ขาดทุนออกไป และเหลือไว้เพียงกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว โดยนำธุรกิจโรงแรมในเครือ พัฒนาด้านเวลเนสมากขึ้น เพื่อให้สอดรับกับเป้าหมายการเป็นผู้นำธุรกิจเฮลท์แคร์ ไม่ว่าจะเป็น “เมอเวนพิค มายโอโซน เขาใหญ่” ที่บริษัทหมายมั่นปลุกปั้นเป็นโมเดลเมืองกัญชา-กัญชงขนาด 150 ไร่

และอนาคตอาจปรับเป็น รพ.ผู้สูงอายุ ชูจุดเด่นที่พักวิวสวย อากาศดี มีการรักษาพยาบาลครบครัน และอุปกรณ์ทุกชิ้นออกแบบมาสำหรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะ เพื่อเป็นแม็กเนตดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มบีบวกเดินทางมารักษาสุขภาพในระยะยาวกับไทย โดยจะเปิดตัวราว 11 พ.ย.นี้ ขณะที่ “เลเจนด์ สยาม พัทยา” สถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและแหล่งช็อปปิ้งขนาดใหญ่ในโซนตะวันออก จะปรับโมเดลมาปลูกกัญชา-กัญชง 150 ไร่ ในรูปแบบการท่องเที่ยวเชิงการเรียนรู้ ควบคู่กับการทำพิพิธภัณฑ์กัญชากัญชง

ทั้งนี้ สำหรับสมุนไพรกัญชา-กัญชง ภายใต้การนำของบริษัทในเครือ บริษัท ณุศา ซีเอสอาร์ จำกัด ก็ได้ต่อยอดทำธุรกิจกัญชาและกัญชง ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ โดยจับมือกับบริษัทต่างประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา และมหาวิทยาลัยชั้นนำในไทย เช่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ทำการวิจัยและพัฒนากัญชา-กัญชง ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นยา อาหารเสริม เครื่องดื่ม อาหาร

นอกจากนี้ ณุศาศิริยังได้จัดทำแพลตฟอร์มขึ้นมาเพื่อสนับสนุนทุกสายงานเฮลท์แคร์ในเครือ ผ่านชื่อแอปพลิเคชั่น “MORHELLO” เชื่อมโยงความรู้จากแพทย์ทั่วโลกและรวบรวมกว่า 5,000 งานวิจัย สร้างเป็นคอมมิวนิตี้ด้านสุขภาพ ซึ่งปัจจุบันเชื่อมข้อมูลไปแล้วกว่า 20 ประเทศ รวมไปถึงให้คำปรึกษาและจ่ายยาให้แก่คนทั่วไปในช่วงเกิดวิกฤตโควิดโดยแพทย์ของ รพ.พานาซี

“การรุกเข้ามาธุรกิจเฮลท์แคร์ของณุศาศิริ มุมหนึ่งเป็นการแสวงหาโอกาสไปสู่น่านน้ำรายได้ใหม่ ๆ โดยตั้งเป้ารายได้ส่วนธุรกิจสุขภาพไว้ที่ 500-800 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มเห็นผลในปีหน้า และส่งผลให้สัดส่วนพอร์ตธุรกิจสุขภาพขึ้นแซงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้ในไตรมาส 4 ปี 2564-ไตรมาส 1 ปี 2565 ประกอบกับจุดแข็งของไทยคือ การปลดล็อกพืชกัญชา-กัญชง แห่งแรกของอาเซียน และยังเป็นประเทศแห่งการท่องเที่ยวที่มีจุดเด่นด้านบรรยากาศดี ส่วนเฮลท์แคร์ของไทยด้านราคาและบริการก็ถือเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก

ขณะที่แพทย์ในไทยก็มีความเชี่ยวชาญสูง ส่วนณุศาศิริที่คลุกคลีกับธุรกิจในต่างประเทศ ก็สามารถโปรโมตบริการทางการแพทย์และสุขภาพของไทยในประเทศเหล่านั้นได้ ผ่านการทำแพ็กเกจท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเชื่อมโยงทุกกลุ่ม ผนวกกับความร่วมมือกับภาครัฐ เชื่อว่าไทยจะสามารถก้าวขึ้นเป็นเซ็นเตอร์เมดิคอลฮับได้แน่นอน”