คลายล็อกหนุนไฮซีซั่น-ห้างทราฟฟิกพุ่ง

ห้างสรรพสินค้า

ธุรกิจขานรับมาตรการเปิดประเทศ-ผ่อนคลายมาตรการ ลดเวลาเคอร์ฟิว หนุนไฮซีซั่นคึกคัก มู้ดเดินทางสดใส “แอตต้า” คาดนักท่องเที่ยวต่างประเทศทยอยเข้าไทย แนะรัฐเร่งคุมโควิดสร้างความมั่นใจ “เดอะมอลล์” ชี้ ร้านอาหาร-ซูเปอร์มาร์เก็ต ทราฟฟิกพุ่ง เตรียมจัดแคมเปญปลุกจับจ่ายโค้งท้าย “เซ็นทรัล” แย้มไต๋งานใหญ่เคานต์ดาวน์ ขณะที่คอนเสิร์ตปลายปี ลุ้นระทึก รอ ศบค.คลอดไกด์ไลน์

การประกาศย้ำการเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ ที่จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม รวมถึงการผ่อนคลายมาตรการของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา

ด้วยการปรับลดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดเหลือ 23 จังหวัด ปรับเวลาห้ามออกนอกเคหสถาน หรือเคอร์ฟิว เป็น 23.00-03.00 น. ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2564 ทำให้ธุรกิจต่าง ๆ เริ่มมีความเคลื่อนไหวเพื่อรองรับโอกาสทางธุรกิจและการตลาดที่กำลังจะเกิดขึ้น

ลุ้นฟื้นท่องเที่ยว

นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า มาตรการเปิดประเทศที่ ศบค.ทยอยผ่อนปรนมากขึ้นตามลำดับ จะทำให้บรรยากาศโดยรวมของภาคการท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้น ทั้งในมุมตลาดต่างประเทศและตลาดภายในประเทศ

ส่วนประเด็นที่ว่าเมื่อเปิดแล้วจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาจำนวนมากน้อยแค่ไหนยังคาดการณ์ได้ยาก ส่วนตลาดไหนจะเริ่มเดินทางก่อนนั้นยังคงขึ้นอยู่กับอีกหลายปัจจัย อย่างไรก็ตาม สำหรับบทบาทของ สทท.นั้น จะเน้นความมั่นใจในด้านซัพพลายทุกรูปแบบ และปฏิบัติตามมาตรฐานสาธาณสุขอย่างเคร่งครัด

ขณะที่นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) ในฐานะสมาคมดูแลตลาดอินบาวนด์ (นักท่องเที่ยวขาเข้า) ที่กล่าวในเรื่องนี้ว่า โดยส่วนตัวยังมองว่าแนวโน้มของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาจะเป็นไปในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป

เนื่องจากว่าตลาดหลัก ๆ ยังไม่ออกเดินทางนอกประเทศ ยกเว้นกลุ่มที่มีความจำเป็นหรือกลุ่มนักธุรกิจเท่านั้น ขณะที่กลุ่มประเทศที่มีความพร้อม เช่น อังกฤษ สหรัฐอเมริกา เยอรมนี ฯลฯ จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในแต่ละปีมีปริมาณไม่มากนัก

“ประเด็นสำคัญ คือ การสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวต่างชาติรู้สึกว่าประเทศไทยปลอดภัยอย่างไร โดยสิ่งจำเป็นที่ต้องให้ความสำคัญคือ การควบคุมการแพร่ระบาดโควิดที่ต้องดีขึ้นต่อเนื่อง”

เที่ยวในประเทศคึกคัก

นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย (THA) แสดงความเห็นในเรื่องนี้ว่า นโยบายดังกล่าวจะเป็นตัวช่วยให้มู้ดของการเดินทางท่องเที่ยวโดยรวมดีขึ้น โดยเฉพาะการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ ซึ่งถือเป็นตลาดสำคัญของภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยในปีนี้ และกำลังอยู่ระหว่างการขับเคลื่อนโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 และทัวร์เที่ยวไทย

“ปกติในช่วงปลายปีก็เป็นไฮซีซั่นของภาคการท่องเที่ยวอยู่แล้ว แต่ปีนี้มีโครงการสนับสนุนการเดินทางภายในประเทศของรัฐบาลออกมาเสริมอีก ก็น่าจะทำให้การเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศปีนี้ดีกว่าปีที่ผ่านมา” นางมาริสากล่าว

ห้างคึกคักรับลดเวลาเคอร์ฟิว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความเคลื่อนไหวของสมาคมผู้ค้าปลีกไทย และสมาคมศูนย์การค้าไทย ล่าสุดได้ประกาศรับกับนโยบายดังกล่าว โดยขยายเวลาการเปิดให้บริการจนถึง 22.00 น. ทั้งในส่วนของห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหาร และร้านค้าต่าง ๆ ในศูนย์การค้าเปิด รวมถึงซูเปอร์มาร์เก็ต ไฮเปอร์มาร์ท และแคชแอนด์แครี่ ที่ตั้งนอกศูนย์การค้า เช่นเดียวกับร้านสะดวกซื้อ และตลาดสด ที่เปิดบริการได้ 04.00 น. ถึง 22.00 น.

ขณะที่ร้านอาหารในศูนย์การค้าสามารถนั่งบริโภคในร้านได้ โดยร้านที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศสามารถนั่งได้ 75% ของจำนวนที่นั่งทั้งหมด และร้านที่ติดเครื่องปรับอากาศสามารถนั่งได้ 50% ของจำนวนที่นั่งทั้งหมด และปิดให้บริการ 22.00 น. ส่วนโรงภาพยนตร์เปิดดำเนินการได้ถึงเวลา 22.00 น. และต้องเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1 เมตร หรือลดจำนวนผู้เข้ารับบริการเหลือประมาณ 50% ของจำนวนที่นั่งทั้งหมด และต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา รวมทั้งไม่อนุญาตให้รับประทานอาหารภายในโรงภาพยนตร์

นอกจากนี้ ทั้ง 2 สมาคมยังเสนอให้ภาครัฐเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างจริงจังและตรงจุด อาทิ มาตรการกระตุ้น การใช้จ่ายเพิ่มเติมในช่วงโค้งสุดท้ายปลายปีซึ่งเป็นไฮซีซั่น เช่น การนำมาตรการช้อปดีมีคืนกลับมาใช้อีกครั้ง เพื่อสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบและกระตุ้นมู้ดการจับจ่ายให้กลับมาคึกคัก

ด้านนางสาววรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า หลัง ศบค.มีมาตรการผ่อนคลายมาตรการดังกล่าว เดอะมอลล์ได้ปรับเวลาปิดให้บริการเป็น 22.00 น. ซึ่งเป็นการปรับเวลาตามโลเกชั่น โดยศูนย์ที่อยู่ในเมืองจะเปิดถึง 22.00 น. ศูนย์ที่อยู่ชานมืองเปิดถึง 21.30 น.

ซึ่งคาดว่าในส่วนของร้านอาหารและซูเปอร์มาร์เก็ตจะมีทราฟฟิกเพิ่มขึ้น และประเมินว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยเพิ่มทราฟฟิกในศูนย์ได้ 10% และจะทำให้จำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในช่วงนี้เพิ่มขึ้นเกิน 70% หลังจากตั้งแต่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ทราฟฟิกในศูนย์ยังไม่กลับมาเต็ม 100% นอกจากนี้ ศูนย์การค้าในเครือยังอยู่ระหว่างการเตรียมกิจกรรมทางการตลาด เพื่อรองรับการเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย. และปลุกการจับจ่ายในช่วงที่เริ่มเข้าสู่ไฮซีซั่น

ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น กล่าวในเรื่องนี้ว่า ภาพรวมจากประกาศของภาครัฐที่เตรียมคลายล็อกธุรกิจเพิ่มเติม ประเมินว่าจะทำให้บรรยากาศภาพรวมของประเทศช่วงไตรมาสสุดท้ายมีความคึกคักและกระตุ้นเศรษฐกิจได้ รวมถึงการเตรียมเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศในช่วงเดือน พ.ย.นี้ ก็จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภาคธุรกิจท่องเที่ยวได้มาก

ขณะที่แคมเปญกระตุ้นจับจ่ายของรัฐ อาทิ เราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 ช้อปดีมีคืน และอื่น ๆ จะช่วยปลุกกำลังซื้อในช่วงวันหยุดยาวส่งท้ายปีได้มากขึ้น และจากนี้ไป ซีพีเอ็นจะมีอีเวนต์ต่าง ๆ ออกมากระตุ้นเหมือนทุกปี โดยดูตามความเหมาะสมของสถานการณ์ เช่น เทศกาลส่งความสุข และงาน countdown อีกทั้งส่งเสริมการจัดงานท่องเที่ยวในศูนย์การค้าเซ็นทรัล 7 สาขา โดยรวมแพ็กเกจท่องเที่ยวให้คนไทยเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น

รอไกด์ไลน์ “เอ็กซิบิชั่น-อีเวนต์”

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือทีเส็บ กล่าวถึงการผ่อนปรนมาตรการของ ศบค. สำหรับศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม หรือสถานที่จัดนิทรรศการรวมถึงสถานที่ลักษณะเดียวกันในห้างสรรพสินค้า และโรงแรม ว่า เบื้องต้นขณะนี้มีข้อสรุปที่ชัดเจนสำหรับหลักการจัดประชุมสัมมนาเท่านั้น คือ อนุญาตให้จัดประชุมสัมมนาได้ไม่เกิน 500 คน

หากจัดเกิน 50 คนต้องขออนุญาตคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด หรือกรุงเทพฯ และเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลอย่างน้อย 1 เมตร จัดเลี้ยงอาหารแบบแยกชุด และกำหนดเวลาประชุมไม่เกิน 2 ชั่วโมง และสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ส่วนหลักเกณฑ์ของการจัดงานเอ็กซิบิชั่นและงานอีเวนต์นั้นยังไม่มีความชัดเจน ต้องรอประกาศมาตรการผ่อนปรนอย่างเป็นทางการของ ศบค.อีกครั้ง

“อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีเจ้าของสินค้าและหน่วยงานต่าง ๆ เตรียมแผนจะจัดงานเอ็กซิบิชั่นในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้ เป็นจำนวนมาก โดยก่อนหน้านี้ทีเส็บได้เสนอให้สามารถจัดงานได้โดยไม่จำกัดขนาดของพื้นที่และจำนวนคนเข้าชมงาน โดยมีเงื่อนไขว่าให้เปิดรับคนเข้าเป็นรอบ รอบละไม่เกิน 1,000 คน หรือ 1 คนต่อพื้นที่ 4 ตารางเมตร ผู้จัดงานหรือเอ็กซิบิเตอร์ต้องฉีดวัคซีนครบโดส และต้องตรวจ ATK ก่อนเข้างาน ส่วนผู้เข้างานต้องฉีดวัคซีนครบโดส หากไม่ครบต้องทำการตรวจ ATK เป็นต้น”

ขณะที่แหล่งข่าวจากผู้จัดงานอีเวนต์และคอนเสิร์ตรายหนึ่งกล่าวในเรื่องนี้ว่า ขณะนี้ทั้งผู้จัดงานและสปอนเซอร์จำนวนหนึ่งได้มีการเตรียมตัวมาเป็นระยะ ๆ เพื่อจะจัดงานคอนเสิร์ตในช่วงปลายปี แต่เนื่องจาก ศบค.ยังไม่มีการประกาศผ่อนปรน หรือไกด์ไลน์ออกมา

หลาย ๆ คนก็เริ่มมีความกังวลว่า หากทางการประกาศไกด์ไลน์ออกมาช้าอาจจะจัดงานไม่ทัน ถ้า ศบค.ยังไม่มีความชัดเจนอะไรออกมาในเร็ว ๆ นี้ ผู้จัดหรือสปอนเซอร์ก็ตัดสินใจยกเลิกหรือเลื่อนการจัดงานออกไปก่อน เพราะบางงานอาจต้องใช้เวลาในการเตรียมงานล่วงหน้ากว่า 2-3 เดือน