สธ.ยันพร้อมฉีดวัคซีนเข็ม 3 คนไทยทุกคน แนะประชาชนฉีดเกิน 6 เดือนควรรับเข็มกระตุ้น ส่วนกรณีฉีดวัคซีน mRNA ครึ่งโดสผลวิจัยพบได้ผลดี แต่ในไทยยังแนะนำให้ใช้เต็มโดส ขณะที่การนำเข้ายารักษาโควิด “โมลนูพิราเวียร์” ชี้ไม่แทงม้าตัวเดียว แต่การใช้งบฯแต่ละครั้งต้องไม่ให้สิ้นเปลืองงบประมาณประเทศ
วันที่ 18 ตุลาคม 2564 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ สธ.เตรียมความพร้อมในการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดให้แก่ประชาชนทุกคน รวมไปถึงเข็ม 3 สำหรับกระตุ้นภูมิคุ้มกัน พร้อมระบุว่า วัคซีนที่ทางภาครัฐจัดหาให้มีคุณภาพและมีเพียงพอ ประชาชนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ และเมื่อครบ 6 เดือน ตามปกติจะต้องฉีดเข็มกระตุ้นทันที
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
ในกรณีการฉีดกระตุ้นภูมิคุ้มกันสำหรับผู้ได้รับซิโนฟาร์ม 2 เข็ม เบื้องต้น สธ.ยังรอคำแนะนำจากอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค หากทราบว่าต้องฉีดกระตุ้นด้วยยี่ห้ออะไร สธ.พร้อมปฏิบัติตามทันที
ส่วนคำถามที่ว่าจะสามารถบูสเตอร์โดสผู้ที่ได้รับวัคซีนเชื้อตาย 2 เข็ม ด้วยวัคซีนเชื้อตายเหมือนกันได้หรือไม่นั้น นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า หากกระตุ้นเข็ม 3 ด้วยวัคซีนเชื้อตายเหมือนกัน ข้อมูลพบว่าภูมิคุ้มกันขึ้นได้ไม่ดีนัก ควรใช้เป็นวัคซีนไวรัลเวคเตอร์หรือชนิด mRNA จะมีภูมิคุ้มกันขึ้นสูงกว่า
สำหรับกรณีกระแสข่าวการฉีดวัคซีน mRNA ครึ่งโดสนั้น หากยึดตามอ้างอิงคำแนะนำอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ซึ่งเป็นคณะกรรมการอย่างเป็นทางการตามกฎหมาย ยังแนะนำให้ฉีดกระตุ้นเต็มโดส เนื่องจากการฉีดครึ่งโดสแม้ว่าข้อมูลเบื้องต้นว่าอาจจะมีผลกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดี แต่ยังไม่รู้ว่าภูมิคุ้มกันจะอยู่ได้นานเท่าใด และจะลดลงอย่างรวดเร็วหรือไม่
ขณะที่ประเด็นการซื้อยารักษาโควิด “โมลนูพิราเวียร์” ที่เกิดข้อท้วงติงว่าควรซื้อจากประเทศอินเดียมากกว่าสหรัฐอเมริกา เพราะมีราคาสูงกว่า นายอนุทินยืนยันว่า ประเทศไทยไม่แทงม้าตัวเดียวแน่นอน แต่การจัดซื้อยาจะพิจารณาตามความสำคัญสถานการณ์และตั้งมั่นในความไม่ประมาท มีทางเลือกอยู่บ้าง แต่การจัดหาจะต้องขึ้นกับการศึกษาถึงประสิทธิภาพประสิทธิผลของยานั้น ๆ จะดูเรื่องของการโฆษณาชวนเชื่อทางการตลาดอย่างเดียวไม่ได้ ต้องดูผลจากการรักษาจริงที่ได้จากการทดลองทางคลินิกโดย สธ.มีหน่วยงานที่ติดตามในเรื่องนี้อยู่
“พยายามจัดซื้ออย่างจำเป็นด้วยความระมัดระวัง เพื่อไม่ให้สิ้นเปลืองงบประมาณของประเทศ ที่ผ่านมายาและเวชภัณฑ์ที่จัดหาให้แก่ประชาชนก็พิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่ามีประสิทธิภาพ”