KWHB ทุ่ม 40 ล้าน ลุยสกัดกระท่อม ต่อยอดเครื่องสำอาง-ยา

ศูนย์วิจัยกสิกร เผย กระท่อมอาจสร้างรายได้ให้เกษตรกรที่เหลือของปี
ภาพจาก ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

KWHB ทุ่มงบ 40 ล้าน สร้างโรงงานสกัดสมุนไพร ประเดิมกระท่อม-ฟ้าทะลายโจร-มะขามป้อม-มะม่วงหาวมะนาวโห่ ก่อนต่อยอดเครื่องสำอาง-ยา เปิดเกมรุกตลาดสมุนไพร 2 หมื่นล้าน ตั้งเป้า 5 ปี ชิงแชร์ 10%

วันที่ 28 ตุลาคม 2564 นายเอกพันธ์ วนโกสุม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เค.ดับบลิว.เม็ททัล เวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ KWM และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคดับบลิวเอชบี จำกัด (KWHB) เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดสารสกัดสมุนไพรไทยมีมูลค่าอยู่ราว 1-2 หมื่นล้านบาท และมีแนวโน้มขยายตัวขึ้นทุกปี จากสรรพคุณที่นำไปใช้ประโยชน์ได้หลายด้าน

ดังนั้น KWM จึงเล็งเห็นโอกาสในการเติบโต จึงจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัท เฮมพ์บิซ จำกัด ภายใต้ชื่อ บริษัท เคดับบลิวเอชบี จำกัด มีทุนจดทะเบียนราว 20 ล้านบาท โดย KWM ถือหุ้น 51% ขณะที่เฮมพ์บิซถือหุ้น 40% ส่วนที่เหลืออีก 9% เป็นกลุ่มพันธมิตรอื่น ๆ

เบื้องต้น ได้ทุ่มงบประมาณราว 40 ล้านบาท สำหรับการก่อสร้างโรงงาน และการติดตั้งเครื่องสกัด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างโรงงาน และทยอยติดตั้งเครื่องจักรเพื่อสกัดสารสำคัญจากพืชสมุนไพร คาดแล้วเสร็จประมาณเดือน ก.พ. ปี 65

ขณะที่การผลิตในเฟสแรกของโรงสกัด KWHB จะมีการใช้พืชใบกระท่อมมาเป็นตัวหลักในการสกัดสารสำคัญ ภายหลังจากรัฐบาลประกาศปลดล็อกพืชกระท่อมออกจาก พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อนำไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง และยา

โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการขอขึ้นทะเบียนกับทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาพิจารณาประมาณ 3 – 4 เดือนหลังจากที่ดำเนินการขอ

หากกระบวนการทุกอย่างแล้วเสร็จคาดว่าจะเริ่มทยอยออกผลิตภัณฑ์พร้อมทำการตลาดสินค้าจากพืชสมุนไพร ประมาณ 5-10 ผลิตภัณฑ์ได้ภายในช่วงต้นปี 2565

พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังศึกษาการสกัดพืชสมุนไพรอื่น ๆ เพิ่มเติม อาทิ ฟ้าทะลายโจร  มะขามป้อม มะม่วงหาวมะนาวโห่ เพื่อที่จะนำสารสกัดไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ

“ขณะนี้ KWM ได้ต่อยอดจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ที่ใช้ในการเกษตร ไปสู่การผลิตเครื่องสกัดระบบ SUPERCRITICAL FLUID CO2 EXTRACTION กัญชง-กัญชา และสมุนไพรไทยได้แล้ว ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถดำเนินธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำได้ ซึ่งจะทำให้ KWM และ KWHB เติบโตได้อย่างก้าวกระโดด”

ดร.เภสัชกรหญิงประคองศิริ บุญคง หัวหน้าทีมวิจัย บริษัท เคดับบลิวเอชบี จำกัด (KWHB) กล่าวเสริมว่า ด้านการดำเนินงานของ KWHB ด้านหนึ่ง KWM จะช่วยดูในเรื่องของการสกัดและการแปรรูป ส่วนเฮมพ์บิซจะทำหน้าที่ในด้านการวิจัยและพัฒนาพืชสมุนไพรเป็นหลัก ทั้งกลุ่มที่เป็นที่นิยมหลากหลายในปัจจุบัน และกลุ่มที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก แต่มีสรรพคุณที่ดี

ทั้งนี้ การผนึกความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยผลักดันธุรกิจสกัดสารสำคัญจากพืชสมุนไพรไทย รวมถึงการผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าจากพืชสมุนไพรไทย ครอบคลุมหลายอุตสาหกรรม อาทิ เครื่องสำอาง สปา อาหาร อาหารเสริม ยา เพื่อเพิ่มมูลค่าและผลักดันสมุนไพรไทยสู่การเป็นสมุนไพรโลก และยังสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรอีกด้วย