ส่ง “เบียร์ใหม่” รัวๆตัดหน้าช้าง สิงห์เสิร์ฟ “สโนวี่-โครเนนเบิร์ก” ชนไฮเนเก้น

“สิงห์” ระดม 2 แบรนด์ใหม่เจาะตลาดพรีเมี่ยม เขย่าตลาดเบียร์ 1.8 แสนล้านเดือด รับหน้าขาย ส่งเบียร์ “สโนวี่ฯ” พร้อมนำเข้า “โครเนนเบิร์ก” รับตลาดพรีเมี่ยมโตแรง หวังเพิ่มทางเลือกเจาะไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ คาดเปิดตัวราคาเบา ๆ 60 บาท ชนไฮเนเก้น/เบียร์นำเข้า เน้นเจาะร้านอาหาร ก่อนเล็งเข้าสะดวกซื้อปีหน้า

หลังจากที่ค่ายสิงห์ทำเซอร์ไพรส์ตลาดโดยการเปิดตัว “ยูเบียร์” แบรนด์ใหม่ในรอบ 18 ปี ที่จะเข้ามาเสริมทัพพี่ใหญ่อย่างสิงห์ และลีโอ ด้วยคอนเซ็ปต์ของโปรดักต์และการตลาดที่ทันสมัย แตกต่าง เพื่อสร้างความเอ็นเกจกับกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่น เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว

และไม่หยุดแค่นั้น สิงห์ก็ได้ปั้นน้องใหม่เพิ่มอีก 1 แบรนด์ เพื่อขยายแคทิกอรี่ รับเทรนด์การดื่มของคนรุ่นใหม่ไม่หยุด รวมถึงเติมเบียร์อิมพอร์ตเข้ามาเพิ่ม สร้างความหลากหลายให้กับพอร์ตโฟลิโอ คลุมทุกความต้องการ ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาด สกัดคู่แข่งรอบด้าน หลังค่ายช้างประกาศขอชิงบัลลังก์ให้ได้ภายในปี 2563

แบรนด์ใหม่ราคาเร้าใจ

แหล่งข่าวจากบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า บริษัทได้เปิดตัวเบียร์ “สโนวี่ ไวเซ่น บาย เอส สาม สาม” อย่างไม่เป็นทางการเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยการเชิญบล็อกเกอร์มายังโรงงานผลิตที่ปทุมธานี เพื่อรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับโปรดักต์

ซึ่งไอเดียของการพัฒนาเบียร์ตัวใหม่ดังกล่าว มาจากนโยบายของคุณสันติ ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัดที่อยากสร้างความแปลกใหม่ให้กับตลาด และตอบรับกับความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันที่หลากหลายมากขึ้น เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาตลาดเบียร์ และผู้ผลิตในประเทศผลิตแต่เบียร์ประเภทลาเกอร์เท่านั้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้วยังมีเบียร์อีกหลายประเภท

ส่วนสาเหตุที่เลือกนำร่องด้วยสโนวี่ฯ เนื่องจากเบียร์ดังกล่าวเป็นเบียร์ที่ขายในร้าน เอส 33 (EST.33) ของบริษัท ซึ่งพบว่ามียอดขายและการตอบรับที่ดีจากลูกค้า จึงมองว่าเป็นโอกาสที่จะเข้าไปตอบโจทย์ในสิ่งที่ผู้บริโภคมีความต้องการ ในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย โดยคาดว่าจะมีราคาขายอยู่ที่ประมาณ 60 บาท ในแพ็กเกจกระป๋อง 490 มล.

อิมพอร์ต “โครเนนเบิร์ก”

นอกจากนี้ในช่วงกลางปีที่ผ่านมา บริษัทยังได้รับสิทธิ์จัดจำหน่ายเบียร์พรีเมี่ยมจากฝรั่งเศส โครเนนเบิร์ก ซึ่งเป็นวีตเบียร์เช่นเดียวกัน โดยจำหน่ายผ่านช่องทางร้านอาหาร ผับ บาร์ ในรูปแบบของเบียร์สด เน้นเจาะกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ เช่น ชลบุรี เชียงใหม่ ระยอง ภูเก็ต ฯลฯ ก่อนมีแผนนำแบบบรรจุขวดเข้ามาจำหน่ายเพิ่มเติมในอนาคต

โดยแหล่งข่าวได้ระบุต่อไปอีกว่า สำหรับสโนวี่ฯในช่วงแรกจะวางขายผ่านช่องทางร้านอาหารก่อน จึงจะขยับเข้าไปในช่องทางโมเดิร์นเทรด และร้านสะดวกซื้อในช่วงต่อไป โดยขณะนี้เริ่มวางขายแล้วในร้านเอส 33 และจะนำไปวางขายในงานฟาร์ม เฟสติวัล ที่สิงห์ปาร์ค ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 29 พ.ย.-3 ธ.ค.นี้

“สโนวี่ฯเป็นไวเซ่นเบียร์ หรือวีตเบียร์ ที่ทำมาจากมอลต์จากข้าวสาลี ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของสิงห์ในรอบกว่า 80 ปี ที่ทำเบียร์อื่นที่นอกเหนือจากลาเกอร์ออกมา โดยภาพรวมของเบียร์ประเภทไวเซ่น เดิมมีแต่ผู้เล่นที่เป็นแบรนด์อิมพอร์ต และคราฟต์เบียร์ ซึ่งมีราคาสูงตั้งแต่ 100-200 กว่าบาทขึ้นไปต่อขวด/แก้ว”

ชนไฮเนเก้น/อิมพอร์ต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด้วยระดับราคาของสโนวี่ฯที่คาดว่าจะอยู่ราว ๆ 60 บาท และโพซิชั่นที่ตั้งไว้ให้อยู่ในกลุ่มของเบียร์พรีเมี่ยม ชนกับไฮเนเก้นซึ่งเป็นผู้นำในตลาดดังกล่าวโดยตรง ทั้งโพซิชันนิ่งและเรนจ์ราคาที่วางขาย โดยไฮเนเก้นแบบกระป๋อง 490 มล. ราคา 60-61 บาท ขณะเดียวกันก็มีราคาต่ำกว่าคราฟต์เบียร์และเบียร์นำเข้าที่ราคาจะกระโดดไปอยู่ที่ 100-200 กว่าบาท

ส่วนในกลุ่มของเบียร์นำเข้าที่เป็นวีตเบียร์ มีแบรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่าง ฮูการ์เด้น ซึ่งนำเข้าโดยบริษัท บริวเบอรี่ จำกัด ที่เป็นกลุ่มเดียวกับผู้บริหารร้าน HOBs (House of Beers) ที่ปลุกกระแสของร้านเบียร์สดนำเข้าในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา โดยมีกลยุทธ์คล้ายกันคือวางจำหน่ายในช่องทางร้านอาหาร ผับ บาร์ เพื่อเทสต์ตลาดและดูเสียงตอบรับ ก่อนที่จะขยับเข้าไปจำหน่ายในซูเปอร์มาร์เก็ตพรีเมี่ยม รวมถึงร้านสะดวกซื้อ เช่น เซเว่นอีเลฟเว่น แฟมิลี่มาร์ท ซึ่งมีระดับราคาอยู่ที่ประมาณ 139-147 บาทต่อขวด 330 มล.

ตลาดพรีเมี่ยมโตแรง

นางสาวภัททาณี เอกะหิตานนท์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ผลิตภัณฑ์ไฮเนเก้นและสตรองโบว์ ในกลุ่มบริษัททีเอพีระบุว่า ความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มมิลเลนเนียล หรือ Gen M ที่อายุ 21-35 ปี เปิดกว้างสำหรับสินค้าใหม่ ๆ และชื่นชอบความหลากหลาย ไม่จำเจ ทำให้ภาพรวมของตลาดแอลกอฮอล์พรีเมี่ยมเติบโตขึ้นมาก โดยเฉพาะเซ็กเมนต์ของอิมพอร์ตเบียร์ ที่มีมูลค่าประมาณ 426 ล้านบาท เติบโตถึง 36% รวมถึงเซ็กเมนต์ของไซเดอร์ ที่มีมูลค่าประมาณ 30 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะมีการเติบโตถึง 120% ในปีนี้

ส่วนในตลาดเบียร์ภาพรวมมูลค่าประมาณ 1.8 แสนล้านบาท มีสัดส่วนของเซ็กเมนต์พรีเมี่ยม 5% ซึ่งไฮเนเก้นเป็นผู้นำตลาด ด้วยมาร์เก็ตแชร์ 80% เซ็กเมนต์เมนสตรีม 94% และเซ็กเมนต์เซฟวิ่ง 1%

ลอนช์ตัดหน้า “หงษ์” ไทยเบฟ

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตเบียร์ช้าง มีแผนที่จะออกเบียร์ตัวใหม่ “หงษ์” เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในกับสินค้าในพอร์ตโฟลิโอ โดยเฉพาะการต่อกรกับค่ายสิงห์ ซึ่งชิงกระแสไปด้วยการเปิดตัวยูเบียร์ไปในช่วงที่ผ่านมา

นายเอ็ดมอนด์ นีโอ คิมซูน กรรมการผู้อำนวยการ กลุ่มธุรกิจเบียร์ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า วิสัยทัศน์ 2020 ของกรุ๊ป หรือภายในอีก 3 ปีต่อจากนี้ มีเป้าหมายให้กลุ่มธุรกิจเบียร์ครองความเป็นผู้นำในตลาดทั้งประเทศไทย และอาเซียน โดยในช่วงปลายปีจะมีการเปิดตัวแพ็กเกจจิ้งใหม่ และไซซ์ 3 ลิตร เทียบเท่าขวดแชมเปญ ซึ่งเป็นลิมิเต็ดเอดิชั่น กลับมาจำหน่ายอีกครั้งเพื่อสร้างสีสันให้กับตลาดและกระตุ้นยอดขาย