วัคซีนโควิดไทย ใกล้ฝั่งฝัน ฉีดทะลุ 70% สร้างภูมิคุ้มกันหมู่

เป็นการเริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ด้วย “ข่าวดี” เมื่อ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาเปิดเผย (8 พ.ย.) ว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พอใจการควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในไทย ซึ่งมีสัญญาณดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แนวโน้มผู้ติดเชื้อใหม่มีจำนวนลดลงอยู่ในหลักพัน และยอดผู้เสียชีวิตต่ำกว่าร้อยติดต่อกันหลายสัปดาห์ และมีแนวโน้มที่จะลดลงอย่างต่อเนื่อง จำนวนผู้รักษาหายป่วยกลับบ้านมากกว่ายอดผู้ป่วยติดเชื้อรายวัน

ฉีดวัคซีนโควิดติดท็อปทเวนตี้โลก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากข้อมูลของบลูมเบิร์ก ณ วันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 ระบุความคืบหน้าการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในประเทศต่าง ๆ 184 ประเทศทั่วโลกว่า มีการฉีดวัคซีนโควิด-19 ไปแล้วรวม 7.3 พันล้านโดส โดยหากนับตามจำนวนการฉีดวัคซีน ประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 19 ด้วยจำนวน 80,499,612 โดส ตามหลังประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงอย่าง เวียดนาม และอินโดนีเซีย ซึ่งฉีดวัคซีนไปแล้ว 89,620,701 โดส และ 204,809,140 โดส ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม หากนับตามสัดส่วนผู้ที่ฉีดวัคซีนครบคอร์ส (2 โดส หรือ 1 โดส สำหรับวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน) แล้ว ไทยมีผู้รับวัคซีนครบโดส 47% อยู่ในลำดับที่ 89

ขณะที่อีกด้านหนึ่ง Our World in Data ได้ระบุข้อมูลการฉีดวัคซีนของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โดยเป็นการนับจากจำนวนผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มต่อจำนวนประชากร ที่อัพเดตเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา (7 พ.ย.) สำหรับประเทศต่าง ๆ ในอาเซียน สิงคโปร์ เป็นประเทศที่ประชากร ได้รับการฉีดวัคซีนโควิดครบ 2 เข็ม มากที่สุด ด้วยตัวเลขประมาณ 82.7% รองลงมาเป็น กัมพูชา 78.6% ขณะที่อันดับ 3 มาเลเซีย 75.8% ส่วนอันดับ 4 บรูไน 63.7% อันดับ 5 ไทย 46.9% อันดับ 6 ลาว 38.2% อันดับ 7 เวียดนาม 29.6% อันดับ 8 อินโดนีเซีย 28.9% อันดับ 9 ฟิลิปปินส์ 22.2% และอันดับ 10 เมียนมา 13%

รายงานข่าวจากฐานข้อมูลกระทรวงสาธารณสุข (MOPH Immunization Center) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) สรุปผลการฉีดวัคซีนโควิด-19 สิ้นสุด ณ 7 พ.ย. (18.00 น.) ระบุว่า ประเทศไทยมีตัวเลขการฉีดวัคซีนสะสม (28 ก.พ.-7 พ.ย.) รวมทั้งสิ้น 80.49 ล้านโดส แบ่งเป็น เข็มที่ 1 จำนวน 43.99 ล้านโดส หรือ 61.1% ของจำนวนประชากร เข็มที่ 2 สะสม 33.91 ล้านโดส หรือ 47.1% ของจำนวนประชากร และเข็มที่ 3 สะสม 2.59 ล้านโดส หรือ 3.6% ของประชากร

ท็อปไฟฟ์จังหวัดฉีดมาก-ฉีดน้อย

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาในรายละเอียดจะพบว่า จังหวัดที่มีความครอบคลุมการได้รับวัคซีนโควิด-19 สะสม (28 ก.พ.-7 พ.ย. 2564) มากที่สุด 5 จังหวัดแรก ประกอบไปด้วย กรุงเทพมหานคร ประชากร 7,699,174 คน ฉีดเข็ม 1 แล้ว 8,510,321 คน หรือ 110.5% ฉีดเข็ม 2 แล้ว 6,736,226 คน หรือ 87.5%

ส่วนอันดับ 2 คือ ภูเก็ต มีประชากร 547,584 คน ได้รับการฉีดเข็ม 1 แล้ว 466,543 คน หรือ 85.2% เข็ม 2 จำนวน 433,764 คน หรือ 79.6% ขณะที่อันดับ 3 ชลบุรี มีประชากร 2,047,621 คน ได้รับวัคซีนเข็ม 1 แล้ว 1,727,909 คน หรือ 84.4% ส่วนผู้ที่ได้รับเข็ม 2 มีจำนวน 1,470,115 คน หรือ 71.8%

อันดับ 4 สมุทรสาคร มีประชากร 953,167 คน ได้รับการฉีดเข็ม 1 แล้ว 780,059 คน หรือ 81.8% ส่วนเข็ม 2 มี 615,671 คน หรือ 64.6% อันดับ 5 ฉะเชิงเทรา จำนวนประชากร 750,784 คน ฉีดเข็ม 1 แล้ว 592,851 คน หรือ 79.0% ขณะที่การฉีดเข็ม 2 อยู่ที่ 430,446 คน หรือ 57.3%

ส่วนจังหวัดที่มีความครอบคลุมการได้รับการฉีดวัคซีนโควิด เข็มที่ 1 น้อยที่สุด 5 จังหวัด (วันที่ 28 ก.พ.-7 พ.ย.) ประกอบด้วย 1.หนองบัวลำภู เข็ม 1 จำนวน 197,299 คน หรือ 37.7% จากประชากร 523,860 คน ขณะที่เข็ม 2 จำนวน 150,193 คน หรือ 28.7% 2.นครพนม เข็ม 1 จำนวน 275,928 คน หรือ 38.1% จากประชากร 724,860 คน ขณะที่เข็ม 2 จำนวน 222,419 คน หรือ 30.7%

3.บึงกาฬ เข็ม 1 จำนวน 162,913 คน หรือ 38.3% จากประชากร 425,427 คน ขณะที่เข็ม 2 จำนวน 121,839 คน หรือ 28.6% 4.สกลนคร เข็ม 1 จำนวน 462,069 คน หรือ 40.3% จากประชากร 1,145,847 คน ส่วนเข็ม 2 จำนวน 355,989 คน หรือ 31.1% 5.กาฬสินธุ์ เข็ม 1 จำนวน 397,290 คน หรือ 40.6% จากประชากร 978,298 คน ส่วนเข็ม 2 จำนวน 268,472 คน หรือ 27.4%

ขีดเส้นสิ้น พ.ย.ทะลุ 100 ล้านโดส

และหากย้อนกลับไปเมื่อช่วงต้นเดือน (2 พ.ย.) ในการประชุมผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้มอบนโยบายให้เร่งฉีดวัคซีน โดยตั้งเป้าให้ครบ 100 ล้านโดส ภายในเดือน พ.ย.นี้ โดยในส่วนของพื้นที่ทุรกันดารเข้าถึงยากให้มีการจัดบริการเชิงรุก เฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคในกลุ่มเสี่ยง/เปราะบาง พื้นที่เสี่ยง กิจกรรมและกิจการเสี่ยง รวมถึงฉีดวัคซีนให้กับแรงงานต่างด้าว ยืนยันมีวัคซีนเพียงพอไม่กระทบกับการบริการคนไทย

ถัดมา นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ส่งจดหมายถึงนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ผู้อำนวยการโรงพยาบาล (ผอ.รพ.) ทั่วประเทศ เพื่อย้ำนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข ที่ตั้งเป้าการเร่งฉีดวัคซีนให้ครบ 100 ล้านโดส ภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อจะทำให้คนไทยมีความสุขในเดือนแห่งความสุข คือ ธันวาคม อย่างสบายใจ และปลอดภัย

จากก่อนหน้านี้ ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ตั้งเป้ากำหนดให้ปี 2564 จะมีการฉีดวัคซีนครบ 100 ล้านโดส

ทั้งนี้ ตัวแปรสำคัญนอกจากจำนวนวัคซีนที่รัฐบาลทุ่มซื้อทยอยส่งมอบอย่างต่อเนื่อง และมีวัคซีนบริจาคอีกจำนวนหนึ่งเข้ามาเพิ่ม แบ่งเป็น ซิโนแวค 30.5 ล้านโดส ปัจจุบันส่งมอบแล้ว 25.5 ล้านโดส นอกจากนี้จีนบริจาคให้อีก 1 ล้านโดส

แอสตร้าเซนเนก้า 61 ล้านโดส ขณะนี้ส่งมอบแล้ว 35.1 ล้านโดส และยังมีที่หลาย ๆ ประเทศบริจาคให้ อาทิ ญี่ปุ่น 2.04 ล้านโดส สหราชอาณาจักร 0.42 ล้านโดส เกาหลีใต้ 0.47 ล้านโดส ภูฏานให้ยืม 0.15 ล้านโดส (ส่งมอบแล้ว) สิงคโปร์ให้ยืม 0.12 ล้านโดส เยอรมนี 0.35 ล้านโดส

นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีแผนจะซื้อแอสตร้าฯต่อจากสเปน 0.61 ล้านโดส ซื้อต่อจากฮังการี 0.4 ล้านโดส

ขณะที่ ซิโนฟาร์ม ที่ดำเนินการโดยราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ส่งมอบแล้ว 25 ล้านโดส

ขณะเดียวกันก็ยังมียอดบริจาค ไฟเซอร์ จากสหรัฐอเมริกา จำนวน 2.5 ล้านโดส ในจำนวนนี้ส่งมอบแล้ว 1.5 ล้านโดส รวมทั้งยังมีวัคซีนไฟเซอร์ที่รัฐบาลจัดซื้ออีก 30 ล้านโดส (ส่งมอบแล้ว 8 ล้านโดส) และ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน 5 ล้านโดส

รวมทั้งยังจะมี โมเดอร์นา ที่จัดซื้อโดยองค์การเภสัชกรรม ในนามของสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ที่จะทยอยเข้ามารวมทั้งสิ้น 5 ล้านโดส

เบ็ดเสร็จคาดว่าภายในสิ้นปีนี้ ประเทศไทยจะมีวัคซีนรวมไม่ต่ำกว่า 152 ล้านโดส และมีแผนจัดหาวัคซีนอีก 120 ล้านโดส ภายในปี 2565

ถึงเวลานี้อาจจะกล่าวได้ว่า ความหวังที่จะฉีดวัคซีนได้ครบ 70% ของประชากร เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ใกล้ความจริงเข้ามาทุกขณะ