ชูกำลัง 3 หมื่นล้านร่วง บิ๊กเนมอัดโปรฯชิงกำลังซื้อ

เครื่องดื่มชูกำลัง
จับกระแสตลาด

แม้เครื่องดื่มชูกำลังจะเป็นสินค้าที่มีราคาเพียงขวดละ 10 บาท และที่ผ่านมาผู้ประกอบการ 3 ค่ายใหญ่ จะมีการทุ่มงบฯทยอยจัดกิจกรรมทางการตลาดในรูปแบบต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อเพิ่มยอดขายและแย่งเค้กก้อนโตที่ประเมินกันว่ามีไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาทมาครอบครอง รวมถึงสร้างการเติบโตให้ตลาด แต่ผลพวงจากการกลับมาระบาดซ้ำของโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมาที่ทวีความหนักหน่วงยิ่งขึ้น ส่งผลให้ทุกค่ายมียอดขายที่ลดลงและต้องปรับตัวเพื่อรับมืออย่างหนัก

โควิดทุบยอดขาย-ตลาดร่วง

นางวรรณิภา ภักดีบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลัง M-150 เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ยอมรับว่าปีนี้เป็นปีที่ค่อนข้างท้าทายสำหรับตลาดเอเนอร์จี้ดริงก์ โดยเฉพาะปัจจัยจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ระบาดระลอกใหม่ (wave 3) ซึ่งรุนแรงและเร็วกว่าเดิม ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในภาพรวม จากมาตรการล็อกดาวน์ในหลาย ๆ จังหวัด

การระงับกิจกรรมการก่อสร้างต่าง ๆ หรือร้านค้าปลีกปรับลดเวลาการจำหน่าย การปิดศูนย์กระจายสินค้าบางแห่ง หรือกระทั่งร้านค้าปลีกจำนวนหนึ่งที่ตัดสินใจปิดร้านเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ ปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบกับเครื่องดื่มชูกำลังโดยตรง นอกจากนี้ ประกอบกับผลกระทบจากรายได้และกำลังซื้อผู้บริโภคที่ลดลงก็ส่งผลกระทบเช่นกัน

ที่ผ่านมา บริษัทได้มีการปรับรูปแบบการทำงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าถึงผู้บริโภคและร้านค้าให้ดีขึ้นกว่าเดิม เพื่อช่วยเหลือคู่ค้า ในการกระจายสินค้าไปยังร้านค้าปลีกโดยตรง เป็นการช่วยลดปัญหาด้านการขนส่งที่หยุดชะงักและสินค้าขาดแคลน

จากสถานการณ์โควิดที่คลี่คลายและภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มค่อย ๆ ฟื้นตัวดีขึ้น จะส่งผลบวกให้กับตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลัง แต่น่าจะเป็นการฟื้นตัวอย่างช้า ๆ และแม้การก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ที่หยุดชะงัก ส่งผลกระทบกับเครื่องดื่มชูกำลังในระดับหนึ่ง แต่ตอนนี้สถานการณ์กลับมาเป็นปกติแล้ว

ที่ผ่านมา แม้เครื่องดื่มชูกำลังจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและโควิด แต่กระแสเครื่องดื่มสมุนไพรยังเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะเครื่องดื่มโสมและกระชายดำ นอกจากนี้ จากการที่กระทรวงสาธารณสุขได้ปลดล็อกพืชกระท่อมจากบัญชียาเสพติด เบื้องต้นบริษัทอยู่ในระหว่างการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับผู้บริโภคและด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อผลิตสินค้า

เพราะนี่คืออีกหนึ่งโอกาสใหม่ของเครื่องดื่มเซ็กเมนต์ใหม่ ที่ช่วยสร้างโอกาสทางการตลาดและขายเพิ่ม

ขณะที่รายงานข่าวจากบริษัทโอสถสภา ระบุว่า ช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา รายได้การขายเครื่องดื่มในประเทศลดลง 11.1% (YOY) ซึ่งหดตัวน้อยกว่าภาพรวมตลาด โดยรายได้ที่ลดลงเป็นผลจากมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อผู้บริโภค การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย และการกระจายสินค้า

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันโอสถสภาเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งการตลาด 54.5% จากมูลค่าตลาดรวม 3.5 หมื่นล้านบาท โดยมีเอ็ม-150 เป็นผู้ขับเคลื่อนธุรกิจหลัก โดยในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้น 0.6% (YOY) แม้ว่าตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังหดตัว 16.3% (YOY)

เครื่องดื่มสมุนไพรแรงไม่ตก

ด้าน นางประไพภักตร์ ไวเกิล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดโกลบอล (F&B) กลุ่มธุรกิจ TCP หรือบริษัท ที.ซี.ฟาร์มาซูติคอล อุตสาหกรรม จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มกระทิงแดง, โสมพลัส ฯลฯ กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า ปีนี้มูลค่าตลาดรวมเครื่องดื่มให้พลังงานยังอยู่ที่ 20,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในภาวะหดตัวประมาณ 7% เป็นผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และล็อกดาวน์ ที่ทำให้ลูกค้าเป้าหมายหลัก เช่น กลุ่มผู้ใช้แรงงานที่บางส่วนต้องหยุดงานและทำให้การบริโภคน้อยลง ขณะที่กลุ่มเกษตรกรได้รับผลกระทบจากสินค้าเกษตรตกต่ำ ผลผลิตเสียหาย รวมทั้งเศรษฐกิจที่เปราะบางที่ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่าย

การปิดแคมป์แรงงานเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด ส่งผลกระทบต่อเครื่องดื่มชูกำลังเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากเป็นช่วงระยะเวลาสั้น ๆ การบริโภคจะกลับคืนได้เมื่อธุรกิจเริ่มดำเนินเหมือนเดิม ส่วนการปลดใบกระท่อมจากบัญชียาเสพติด ไม่ส่งผลกระทบนัก เนื่องจากการบริโภคยังไม่แพร่หลายนัก และมีข้อจำกัดในเรื่องของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และยังเป็นการค้าในลักษณะของรายย่อย

อย่างไรก็ตาม จากกระแสสมุนไพรโสมที่มาแรงและมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง จากไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปและหันมาใส่ใจในเรื่องของสุขภาพ ล่าสุด บริษัทได้เปิดตัวโสมพลัส ซุปเปอร์ เครื่องดื่มให้พลังงานผสมสมุนไพร (โสมเกาหลี กระชายดำ และเห็ดหลินจือ) ที่เป็นการต่อยอดจากเครื่องดื่มโสมพลัส ที่ได้รับการตอบรับจากตลาดเป็นอย่างดี เพื่อรองรับความต้องการและเทรนด์ในเรื่องสุขภาพที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าตลาดชูกำลังจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว จากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง

เช่นเดียวกับรายงานข่าวจากบริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศเชิงปริมาณ หดตัว 15.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่รายได้จากการขายของเครื่องดื่มคาราบาวแดง ลดลง 10.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน และส่วนแบ่งการตลาดเชิงปริมาณของเครื่องดื่มคาราบาวแดงอยู่ที่ 20.7% ลดลงเล็กน้อยจาก 21.0% ในไตรมาสที่แล้ว แต่ยังคงคิดเป็นอันดับ 2 ของตลาด

โดยปัจจัยหลักเป็นผลมาจากไวรัสโควิด-19 ที่กลับมาระบาดรุนแรงมากขึ้น รัฐบาลจึงออกมาตรการล็อกดาวน์เข้มข้นเป็นเวลาเกือบ 2 เดือน ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจลดลง และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค

แนวโน้มการแข่งขันระอุ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้ภาพรวมตลาดช่วงที่ผ่านมาจะติดลบ แต่ผู้เล่นหลักทั้ง 3 ค่ายยังคงเข็นโปรโมชั่นออกมากระตุ้นตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการจัดกิจกรรมผ่านสื่อออนไลน์ เช่น M-150 โปรโมชั่นแต้มเอ็มแจกรถทั่วไทย 3 กับรถกระบะป้ายแดง มอเตอร์ไซค์ ทองคำ และรางวัลอื่น ๆ อีกมากมายกว่า 50,000 รางวัล รวมมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท และโปรโมชั่นหั่นราคาซื้อ M-150 2 ขวด แค่เพียง 18 บาท (จากปกติ 20 บาท) จนถึง 23 ธ.ค. 2564 เท่านั้น

เช่นเดียวกับคาราบาวแดง ที่งัดเอา “คูปองบาวชนะ” ให้ผู้บริโภคได้ร่วมสนุกด้วยการส่งเลขใต้ฝา ลุ้นช็อปฟรี 100 บาท ในร้านซีเจทุกสาขา, ร้านถูกดี มีมาตรฐาน และร้านค้าที่ร่วมรายการได้ที่ร้านซีเจทุกสาขา จนถึงวันที่ 28 ธันวาคม 2564

ขณะที่กระทิงแดงมีกิจกรรมแจกทองคำมูลค่าถึง 1 แสนบาท 2 รางวัล พร้อมจี้กระทิงทองตลอดทุกเดือน เดือนละ 155 รางวัล (มูลค่ารางวัลละ 3,000 บาท) และเดือนสุดท้าย 160 รางวัล รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 3 ล้านบาท ถึง 15 ธันวาคม 2564

เชื่อว่าจากนี้ไปทิศทางตลาดเครื่องดื่มชูกำลังทวีความเข้มข้นมากขึ้น การแข่งขันเพื่อฟื้นยอดขายให้กลับคืนมาจะหนักหน่วงยิ่งขึ้นแน่นอน