“ไท จิราธิวัฒน์” นำ CRC ชิงตลาดสัตว์เลี้ยง

ไท จิราธิวัฒน์
สัมภาษณ์

 

เทรนด์การเลี้ยงสัตว์ในปัจจุบันไม่ใช่แค่เพียงการเลี้ยงไว้ใช้งานเหมือนในอดีต หากหลายครอบครัวให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยงมากกว่านั้น หรือเทียบเท่ากับสมาชิกในครอบครัว ดูแลเหมือนลูก ทุ่มให้ไม่อั้น ทั้งอาหาร ขนม ของเล่น เสื้อผ้า แม้กระทั่งที่นอน ส่งผลให้ตลาดสินค้าที่เกี่ยวข้องเติบโตแบบก้าวกระโดดกว่า 4 หมื่นล้านบาทในปีที่ผ่านมา จนกลายเป็น “global trend” ของสัตว์เลี้ยงที่ไม่ได้เกิดเฉพาะในประเทศไทย แต่เกิดขึ้นทั่วโลก

“ประชาชาติธุรกิจ” ร่วมสัมภาษณ์พิเศษ “ไท จิราธิวัฒน์” รองประธานฝ่ายการเงิน บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือซีอาร์ซี ถึงการเดินหน้าต่อยอดอีกหนึ่งธุรกิจใหม่ “PET ‘N ME” รับเทรนด์ตลาดสัตว์เลี้ยงของเมืองไทยที่บูมสุดขีด ถึงที่มาของธุรกิจ รวมถึงทิศทางการดำเนินงานนับจากนี้

แผนชิงตลาด 4 หมื่นล้าน

“ไท จิราธิวัฒน์” เริ่มต้นฉายภาพธุรกิจสัตว์เลี้ยงและเทรนด์การเลี้ยงสัตว์ที่เติบโต เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไปทั่วโลกตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมาว่า สังคมเริ่มเป็นแบบครอบครัวเดี่ยวมากยิ่งขึ้น การอยู่เป็นครอบครัวใหญ่เริ่มน้อยลง การมีสัตว์เลี้ยงเข้ามาเติมเต็ม และเป็นส่วนหนึ่งในสมาชิกของครอบครัวเริ่มมีมากขึ้น ทำให้คนให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยงเพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย

ขณะเดียวกันก็มีวิธีการเลี้ยงที่เป็นมากกว่าแค่สัตว์เลี้ยง หลายครอบครัวให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยงมาก เทียบเท่ากับสมาชิกในครอบครัว ดูแลเหมือนลูก เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับสัตว์เลี้ยง บริษัทจึงเล็งเห็นความสำคัญในข้อนี้ และเห็นโอกาสของการเติบโตในกลุ่มธุรกิจนี้

“ปัจจุบันตลาดที่มีมูลค่าสูงสุดคืออาหารสัตว์ สำหรับสาเหตุที่ทำให้ตลาดขยายตัวเนื่องด้วยปัจจุบันผู้คนแต่งงานน้อยลง บางคู่ไม่มีบุตร หรือมีบุตรคนเดียว และโดยเฉพาะยิ่งช่วงสถานการณ์โควิด-19 คนล็อกดาวน์ตัวเองอยู่กับบ้าน และ work from home มากขึ้น การเลี้ยงสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัข หรือแมว เป็นเพื่อนเพื่อคลายเหงา จึงเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ขณะที่การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุก็มีส่วนทำให้ตลาดสัตว์เลี้ยงโตเช่นกัน โดยสุนัขและแมวยังคงเป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยม โดยเฉพาะพันธุ์ต่างประเทศซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาค่อนข้างสูง ซึ่งเจ้าของก็ยอมที่จะจ่ายกับสัตว์เลี้ยงตัวโปรด นั่นเองคือโอกาสทางการตลาด”

จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ความนิยมของกลุ่มคนที่เลี้ยงสัตว์ (pet lover community) ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งเทรนด์ที่เกิดขึ้นในระดับโลกและภาพรวมในไทย เติบโตมาเกิน 5 ปีต่อเนื่อง หรือมีอัตราเพิ่มขึ้นประมาณ 10% ต่อปี โดยมูลค่าตลาดในไทยอยู่ที่ประมาณ 3-4 หมื่นล้านบาท

โดยปัจจัยหลักของการเติบโตมาจากสภาพสังคมในปัจจุบัน ผู้คนแต่งงานน้อยลง บางคู่ไม่มีบุตร หรือมีบุตรคนเดียว และโดยเฉพาะยิ่งช่วงสถานการณ์โควิด-19 คนล็อกดาวน์ตัวเองอยู่กับบ้าน และ work from home มากขึ้น การเลี้ยงสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัขหรือแมวเป็นเพื่อนเพื่อคลายเหงาจึงเพิ่มขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้ การที่โลกเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุก็มีส่วนทำให้ตลาดสัตว์เลี้ยงโตไม่น้อย และมีผลวิจัยรับรองแล้วว่า ผู้สูงวัยกับสัตว์เลี้ยงเป็นอะไรที่ดีต่อใจ ซึ่งทางบริษัทเล็งเห็นถึงโอกาสและการเติบโตในธุรกิจนี้

จึงได้แตกไลน์ธุรกิจสำหรับสัตว์เลี้ยงขึ้นในชื่อ PET ‘N ME โดยได้ไอเดียจากร้านค้าในต่างประเทศหลายแห่ง เลยนำมาพัฒนาต่อจนเกิดร้าน PET ‘N ME เป็น pet shop แนวใหม่ที่ผสมผสานความเป็นแฟชั่นและไลฟ์สไตล์เข้าด้วยกัน เปิดบริการรูปแบบ category store ที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่ม pet lover, pet parents แบบครบวงจร ด้านสินค้าและบริการ โดยเปิดตัวสาขาแรกแล้ว ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต ก่อนจะขยายเพิ่ม 8 สาขาทั่วกรุงเทพฯ ในปี 2565 เพื่อเข้าถึงกลุ่ม pet lovers และ pet parents พร้อมขึ้นเป็นผู้นำทางด้านร้านขายสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง

ชูแฟชั่น-ไลฟ์สไตล์ตอบโจทย์

คีย์แมนซีอาร์ซีกล่าวต่อไปว่า แม้ซีอาร์ซีจะเพิ่งเข้ามาชิมลางชิงตลาดสัตว์เลี้ยง (pet lover community) เมืองไทย ที่มีมูลค่ากว่า 3-4 หมื่นล้านบาท มีการเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 10% ต่อปี ซึ่งข้อมูลจากกรมปศุสัตว์ระบุว่า เฉพาะ 4 เดือนแรกของปี 2564 ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงไทยทำเงินกว่า 1.67 หมื่นล้านบาท เติบโตกว่า 40% จากปี 2563 และยังคงอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่เชื่อแน่ว่าในอนาคตจะมีบิ๊กเนมอีกมากที่เข้ามาชิงส่วนแบ่งในตลาดดังกล่าว

ทำให้ “PET ‘N ME” ต้องสร้างจุดแข็งของตัวเองขึ้นมา จุดเด่น และความน่าสนใจของร้าน PET ‘N ME เกิดขึ้นจากความต้องการพัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ โดยมีแนวคิด เพราะเราคือเพื่อนที่ดีที่สุดของสัตว์เลี้ยง ด้วยการทำร้านแบบครบวงจร เกิดจากเวลาของแต่ละคนที่มีไม่เท่ากัน จึงเกิดไอเดียที่ว่าทำยังไงให้สามารถทำหลาย ๆ อย่างได้ในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อสินค้า การพาสัตว์เลี้ยงไปตรวจเช็กสุขภาพ อาบน้ำ ตัดขน

นั่นเองจึงเป็นที่มาของโมเดลใหม่ที่ตอบโจทย์ one stop service สำหรับคนรักสัตว์เลี้ยง และสร้าง pet lover community ที่สามารถมาใช้เวลาได้ทั้งครอบครัว ครบ จบ ที่เดียว ประกอบด้วยโซนต่าง ๆ ทั้ง food zone อาหารสำหรับสัตว์เลี้ยง pet supplies อุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยง grooming ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นขน รวมกว่า 5,000 รายการ

นอกจากนั้นยังมีโซนสินค้าสำหรับ other pet ไว้บริการ ไม่ว่าจะเป็น บริการตรวจเช็กสุขภาพ อาบน้ำ ตัดขน และสปา สำหรับสุนัขและแมว จากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดย Hato Pet Wellness Center และมีพื้นที่ pet park ให้บริการ สามารถพาสัตว์เลี้ยงมาวิ่งเล่นได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ พร้อมบริการ cafe บรรยากาศโดน ๆ จาก Arigato ให้บริการเครื่องดื่มและอาหารทานเล่น

พร้อมกันนี้ยังมีการทำการตลาดที่เน้นสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งรายอื่น ๆ ในตลาด โดยชูความเป็น fashion และ lifestyle สร้างความแปลกใหม่และตื่นตาให้กับผู้บริโภคผ่านการสร้างประสบการณ์การช็อปปิ้งในรูปแบบ omnichannel โดยการรุกตลาด model ใหม่ ๆ ถือเป็นกลยุทธ์ที่จะเรียกยอดขายและสร้างความประทับใจ มีทั้ง offer click and collect, e-Ordering, autoship และ subscription service เพิ่มความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีการนำบริการ pet guru service-personal shopper รูปแบบใหม่ ที่จะช่วยให้การช็อปปิ้งสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงเป็นเรื่องง่าย พร้อมให้คำแนะนำและการแจ้งเตือนลูกค้า หากลูกค้าซื้อสินค้าแบบเดียวกันทุกเดือน อย่างเช่น อาหาร ขนม และแชมพู เป็นต้น เพื่อก้าวไปสู่ความเป็น omnichannel pet care specialist แห่งแรกของประเทศไทย

“เราหวังว่าจะเข้าถึงกลุ่ม pet lovers และ pet parents รุ่นใหม่ เพื่อสร้าง PET ‘N ME Community ที่มีทั้งเจ้าของและคนรักสัตว์สามารถแลกเปลี่ยนความรู้และแชร์เรื่องดี ๆ ถึงกันได้ นอกจากนี้ เซ็นทรัลกรุ๊ป (เครือ CG) ยังมี cool pet และ petster เป็นอีก 2 ธุรกิจ pet store ซึ่งเป็นการสร้างเครือข่ายสังคมคนรักสัตว์ให้ขยายวงกว้างมากขึ้น”