มากุโระลุยปูพรม 3 แบรนด์อาหารญี่ปุ่น-เกาหลี เล็งปั้นยอดขายพันล้านปี’66

เชนร้านอาหารญี่ปุ่นมากุโระ กางแผนปี’65 ปูพรมสาขาร้านมากุโระ, SSAMTHING TOGETHER และ TAIKO รวมกันกว่า 20 สาขา เจาะทำเลห้างสรรพสินค้าทั้งกลาง-ชานเมือง

นายเอกฤกษ์ แสงเสรีดำรง กรรมการบริหาร ร้านอาหารญี่ปุ่นมากุโระ และกลุ่มธุรกิจเครือมากุโระ กรุ๊ป กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น และเกาหลีในไทยยังเติบโตต่อเนื่อง โดยตามข้อมูลขององค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น หรือเจโทร จำนวนร้านอาหารญี่ปุ่นในปี 2563 เพิ่มขึ้น 50% หรือ 504 ร้านเทียบกับปี 2562 เฉพาะเซ็กเมนต์ร้านซูชิมีมูลค่าประมาณ 4 พันล้านบาท

ส่วนร้านอาหารเกาหลีแม้จะยังเล็กกว่าร้านซูชิ ด้วยมูลค่าประมาณ 2 พันล้านบาท แต่เติบโตต่อเนื่องระดับ 4-5% ต่อปี และผู้เล่นรายใหญ่ที่มีสาขาจำนวนมากยังมีไม่เยอะนัก จึงมีโอกาสรุกเข้าสู่ตลาดได้

เพื่อใช้ประโยชน์จากโมเมนตัมการเติบโตนี้ ในปี 2565 บริษัทจะลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท ขยายสาขาร้านอาหารทั้งญี่ปุ่นและเกาหลีเพิ่มรวมกันอย่างน้อย 16 สาขา หลังจากก่อนหน้านี้แตกแบรนด์ใหม่ “SSAMTHING TOGETHER” ร้านอาหารเกาหลีระดับพรีเมี่ยมแมส และ “TAIKO” ร้านชูซิและอาหารญี่ปุ่นจานด่วน มุ่งเจาะกลุ่มนักศึกษา-วัยเริ่มทำงาน ด้วยอาหารราคาจับต้องได้เริ่มต้น 10 บาท และความรวดเร็ว

โดยร้าน TAIKO จะปูพรมในโมเดลคิออส ขนาด 10-20 ตร.ม. และร้านไซซ์กลางในทำเล ซูเปอร์มาร์เก็ต เพิ่มอีกอย่างน้อย 10 สาขา หลังจากเปิดสาขาแรกที่สยามพารากอน และได้รับผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจ

ส่วนร้าน SSAMTHING TOGETHER ซึ่งปัจจุบันมี 1 สาขาที่เมกาบางนา จะเปิดเพิ่มอย่างน้อย 3 สาขา เจาะทำเลห้างสรรพสินค้าชานเมือง อาทิ ฟิวเจอร์ ปาร์ครังสิต, เซ็นทรัลพระราม 2 เซ็นทรัลพระราม 3 และเซ็นทรัลพระราม 9 เป็นต้น ในขณะที่ร้านมากุโระซึ่งปัจจุบันมี 10 สาขา มีแผนขยายเพิ่มอีกอย่างน้อย 3 สาขาเช่นกัน

พร้อมผลักดันบริการดีลิเวอรี่ต่อเนื่องด้วยแบรนด์ มากุโระ โก เพื่อต่อยอดกระแสตอบรับจากช่วงล็อกดาวน์ที่ผ่านมา และดีมานด์จากความเคยชินในการสั่งอาหารทานที่บ้านของผู้บริโภค

“ปัจจุบันผู้บริโภคเริ่มรู้จักและจดจำแบรนด์มากุโระได้มากขึ้น สะท้อนจากฐานสมาชิกว่า 2 หมื่นคน และยอดใช้จ่ายเฉลี่ย 2 พันบาทต่อบิล จำนวน 2-3 ครั้งต่อคนต่อเดือน จึงเป็นจังหวะเหมาะที่จะต่อยอดด้วยการขยายสาขาทั้งแบรนด์มากุโระ และ 2 แบรนด์ใหม่ อีกทั้งยังสามารถใช้จำนวนสาขามาสร้างอีโคโนมีออฟสเกลในการซื้อวัตถุดิบเพื่อรับมือต้นทุนที่มีแนวโน้มสูงขึ้นได้อีกด้วย”

นอกจากนี้ กรรมการบริหารกลุ่มธุรกิจเครือมากุโระ ยังเปิดเผยว่า เตรียมนำธุรกิจเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ ในปี 2566 เพื่อนำเม็ดเงินมาขยายธุรกิจทั้งสาขาของแบรนด์เดิม และเปิดแบรนด์ใหม่ ๆ เพิ่มเติม รวมถึงการสร้างครัวกลางขนาดเล็กเพิ่มเป็นฐานสำหรับบริการดีลิเวอรี่

โดยวางเป้าการเติบโตต่อเนื่องทั้งฐานสมาชิกที่จะเพิ่มจาก 2 หมื่นคนเป็น 5 หมื่นคนในปีหน้า ก่อนที่รายได้จะแตะ 1 พันล้านบาท ในปี 2566