รพ.ยันฮี จัดทัพรับเปิดประเทศ ปั้นศูนย์เฉพาะทางจับลูกค้า

รพ.ยันฮี

 

โควิดกระทบธุรกิจ รพ.-ศัลยกรรมความงามซบยาว รพ.ยันฮี ปรับแผนผุดเทเลเมดิซีน-ฉีดวัคซีนโควิด-ตรวจโควิด เพิ่มรายได้ พร้อมกางโรดแมปสร้างการเติบโตในอนาคต ระยะสั้นปั้นศูนย์การแพทย์เฉพาะทางปีละ 1-2 ศูนย์ ดึงกลุ่มผู้บริโภค ระยะยาวย้ำเป้าศูนย์กลางสุขภาพและความงามโลก ดึงนวัตกรรม-เทคโนโลยีทางการแพทย์-ผสานความแข็งแกร่งบุคลากรการแพทย์เจนใหม่และเจนเก่า พัฒนาการรักษา-ออกผลิตภัณฑ์สมุนไพรใหม่ ตอบโจทย์ลูกค้ายุคนิวนอร์มอล

ธุรกิจโรงพยาบาลและศัลยกรรมความงาม เป็นสองยุทธศาสตร์สำคัญในการผลักดันไทยสู่เป้าหมาย Thailand Medical Hub หรือศูนย์กลางสุขภาพครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน แต่ทว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดราว 2 ปีเต็ม ส่งผลให้ภาพรวมตลาดชะลอตัวลง ทั้งจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติงดการเดินทางเข้ารักษา ขณะที่ภาพรวมกำลังซื้อในประเทศก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตลอดช่วงที่ผ่านมาผู้เล่นรายเล็ก-รายใหญ่ต่างเดินหน้าปรับตัวเพื่อรักษาประคองตัว พร้อมรักษาการเติบโตของตลาด

นพ.สุพจน์ สัมฤทธิวณิชชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโรงพยาบาล บริษัท โรงพยาบาลยันฮี จำกัด และผู้อำนวยการโรงพยาบาลยันฮี เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ที่ผ่านมาธุรกิจโรงพยาบาลเผชิญความท้าทายจากโควิดรอบด้าน ทำให้กลุ่มลูกค้ามีสัดส่วนลดลง โดยกลุ่มศัลยกรรมและความงามปรับตัวลดลงอย่างน้อย 40% ส่วนกลุ่มโรคทั่วไปลดลงราว 30% เนื่องจากความกังวลด้านความปลอดภัยในการติดเชื้อโควิด และข้อจำกัดด้านการเดินทาง ส่งผลให้กลุ่มลูกค้าไม่สามารถเดินทางข้ามจังหวัดเพื่อเข้ารับการรักษาได้

รวมไปถึงกลุ่มคนไข้ชาวต่างชาติที่เป็น medical tourism โซนตะวันออกกลาง จีนและอาเซียน ที่หายไปจากการปิดประเทศ และแม้หลังเปิดประเทศเมื่อ 1 พ.ย. จะส่งสัญญาณบวกในด้านทราฟฟิกคนไข้เริ่มกลับมาอีกครั้ง ทั้งในส่วนลูกค้าในประเทศและนอกประเทศ ทว่าในแง่การฟื้นตัวของรายได้ถือว่ายังไม่มากนัก

ทั้งนี้เพื่อเป็นการรองรับแนวโน้มสัญญาณบวกในการฟื้นตัวของธุรกิจ ที่ผ่านมา รพ.ยันฮี จึงปรับแผนงานให้สอดรับการความต้องการของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มน้ำหนักด้านความปลอดภัยมากขึ้น ผ่านการดึงระบบเทเลเมดิซีน เข้ามารับปรึกษาการแพทย์ทางไกล โดยผู้ป่วยไม่ต้องเดินทางมาโรงพยาบาล เบื้องต้นได้รับความสนใจและการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้า

พร้อมกันนี้ยังนำบริการที่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันเข้ามาเป็นส่วนเสริมให้แก่กลุ่มลูกค้า เช่น บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 9 สายพันธุ์, บริการตรวจหาเชื้อโควิดแบบ ATK และแบบเจาะเลือด, จำหน่ายผลิตภัณฑ์ตรวจ ATK ด้วยตนเอง และรับเป็นโรงพยาบาลที่รับฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิค-19 เพื่อมองหารายได้หลากหลายทาง จากในปัจจุบันที่มีรายได้จากกลุ่มศัลยกรรมความงาม 60% และกลุ่มรักษาโรคทั่วไป 40%

ขณะที่ในปี 2565 คาดว่ารายได้ของธุรกิจโรงพยาบาลจะมีทิศทางฟื้นตัวดีขึ้น แต่การกลับไปสู่สภาวะปกติหรือใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิดได้นั้น ยังต้องติดตามการกลับมาของคนไข้กลุ่ม medical tourism ว่าจะสร้างรายได้ให้แก่ธุรกิจได้มากน้อยเพียงใด ส่วนภาพการแข่งขันของธุรกิจสุขภาพในปีหน้าประเมินได้ว่าจะมีการแข่งขันที่สูงขึ้น สะท้อนได้จากธุรกิจจากวงการอื่น ๆ เริ่มกระโดดเข้ามาสู่ธุรกิจ รพ. และมีการสโคปกลุ่มทาร์เก็ตไปเป็นเฉพาะทางมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากการเกิดใหม่ของหลาย ๆ รพ.ในช่วงที่ผ่านมา โดยในส่วนของ รพ.เองได้มีการเตรียมแผนงานตั้งแต่ระยะสั้นไปจนถึงระยะยาวไว้รองรับการเติบโตในอนาคต

โดยในส่วนของแผนงานระยะสั้น จะเน้นนโยบายที่สอดรับกับเทรนด์ปัจจุบันที่เน้นความเป็นเฉพาะทางมากขึ้น นอกจากในด้านความงามที่โรงพยาบาลขึ้นชื่อเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศแล้ว ยังเตรียมแผนในการก้าวเข้าไปสู่การเป็นศูนย์กลางความเฉพาะทางด้านอื่น ๆ มากขึ้น ผ่านโปรเจ็กต์การเปิดศูนย์เฉพาะทางอย่างน้อยปีละ 1-2 แห่ง เช่น ศูนย์รักษาจอตาจากเบาหวาน ที่เพิ่งเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ โดยทุ่มงบประมาณไปราว 10 ล้านบาท ชูเทคโนโลยีการรักษาที่ทันสมัย ตั้งแต่การตรวจวิเคราะห์จอประสาทตาด้วยเลเซอร์ (OCT) ซึ่งหลังจากเริ่มศูนย์รักษาเฉพาะทางดังกล่าวก็มีผู้ป่วยเข้ามารักษาเพิ่มขึ้นถึง 10-15% แล้ว

นพ.สุพจน์กล่าวต่อไปว่า สำหรับยุทธศาสตร์ในระยะยาว 3-5 ปี จะมุ่งสู่เป้าหมายการเป็นโรงพยาบาลด้านสุขภาพและความงามที่ครบวงจรแนวหน้าของโลกด้วยแนวทาง ดังนี้ 1.ส่งเสริมและสนับสนุนแพทย์ในทุก ๆ ด้าน เพื่อให้มีองค์ความรู้มากขึ้น โดยเฉพาะวิทยาการทางการแพทย์แบบใหม่ที่ทันสมัย ทัดเทียมสากล รวมทั้งการรับแพทย์รุ่นใหม่ ที่มีความรู้ความชำนาญเฉพาะทางมากขึ้น

2.สรรหาเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมทางการแพทย์ที่แตกต่างจากในท้องตลาด เพื่อสร้างความโดดเด่นดังเช่นที่ผ่านมา รพ.ได้เปิดศูนย์แพทย์ทางเลือกที่มีให้เลือกอย่างครบวงจร มีทั้งศูนย์รักษาโรคด้วยกัญชา การล้างลำไส้ แพทย์แผนจีน แพทย์แผนไทย ศูนย์ antiaging และศูนย์รักษาด้วยออกซิเจนบริสุทธิ์ HBO

3.ศึกษาเทรนด์ทางการตลาด และความต้องการลูกค้า เพื่อนำมาวิเคราะห์หาเซอร์วิสที่ตรงใจผู้บริโภค และมุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์แบบผสมผสานทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อให้เกิดแรงกระเพื่อมต่อกลุ่มผู้บริโภคมากที่สุด และ 4.พัฒนาเรื่องการบริการที่เป็นเลิศในทุกด้าน โดยเน้นเพิ่มประสิทธิภาพบุคลากรในทุกระดับ ผสานการทำงานร่วมกันระหว่าง old Gen และ new Gen ดึงองค์ความรู้บุคลากรในแต่ละเจเนอเรชั่นมาพัฒนางานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

“การบริหารธุรกิจ รพ. เพื่อเติบโตในยุคนิวนอร์มอล หัวใจสำคัญอยู่ที่การมุ่งเน้นการพัฒนาคนรุ่นใหม่หรือ new generation ที่มีความคิดแปลกใหม่ นำสมัย แต่สอดคล้องกับพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดนอกกรอบ ไม่จำเจกับสิ่งที่มีอยู่ รวมถึงการ lean organization ให้มีความคล่องตัวมากขึ้น ตลอดจนการผสมผสานการบริหารงานระหว่าง 2 Gen ได้อย่างลงตัว รวมทั้งพัฒนาวิธีการสื่อการดูแลคนไข้ให้มีความก้าวหน้ามากขึ้น อาทิ การพัฒนา application การติดต่อสื่อสารกับลูกค้าได้มากขึ้น”

นอกจากนี้ ในส่วนธุรกิจอื่น ๆ อาทิ สมุนไพร ประเมินว่า ตลาดมีแนวโน้มเติบโตและยังไปได้อีกไกล โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มที่ภาครัฐส่งเสริมให้มีการขยายตลาด ไม่ว่าจะเป็นฟ้าทะลายโจร กระชายขาว กัญชา กระท่อม ซึ่งสามารถนำมาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ได้หลากหลายประเภท เช่น ยา น้ำดื่ม สกัดเป็นยานวดบรรเทาอาการปวดเมื่อย เป็นต้น

ส่วนธุรกิจน้ำวิตามิน ปัจจุบันยังเป็นเทรนด์ของคนรักสุขภาพที่มีมากขึ้น แม้จะมีการแข่งขันที่สูงขึ้น ดังจะเห็นได้จากการที่มีธุรกิจใหญ่หลาย ๆ รายเข้ามาในตลาด ขณะที่อนาคตจะเน้นการพัฒนา new product ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในยุค new normal เพื่อสร้างการเติบโตและรายได้อย่างต่อเนื่อง