ATK ของ (มัน) ต้องมี ! ตลาดใหม่มาแรง สงครามราคาระอุ !!

เป็น “ของ” จำเป็นและถือเป็นสินค้าดาวรุ่งแห่งยุคเลยก็ว่าได้ สำหรับชุดตรวจโควิด-19 ด้วยตนเอง หรือ ATK (Antigen Test Kit)

หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดไฟเขียวให้ผู้ประกอบการสามารถขึ้นทะเบียนชุดตรวจได้ จากช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 2564 ที่เริ่มต้นเพียง 4-5 ยี่ห้อ หลังจากนั้นเพียง 6 เดือนล่าสุดมีชุดตรวจ ATK ที่ได้รับอนุญาตจาก อย.แล้วถึง 197 ยี่ห้อ (ข้อมูล ณ วันที่ 10 มกราคม 2565)

หากพิจารณาถึงแหล่งผลิตหลัก ๆ จะพบว่า แหล่งใหญ่มาจากประเทศจีนมากกว่า 145 ยี่ห้อ หรือคิดเป็นสัดส่วนราว ๆ 75% รองลงไปเป็นเกาหลีประมาณ 22 ยี่ห้อ หรือประมาณ 11% ที่เหลือเป็นการนำเข้าจากอินเดีย ตุรกี อังกฤษ ไต้หวัน สหรัฐอเมริกา สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ สเปน เยอรมนี มาเลเซีย เป็นต้น และในจำนวนนี้เป็นชุดตรวจสัญชาติไทยอยู่ 2 ยี่ห้อ

ผลพวงจากการที่โควิด-19 จะยังคงอยู่ไปอีกระยะหนึ่ง จึงทำให้ชุดตรวจ ATK เป็นเครื่องมือตรวจขั้นเบื้องต้นพื้นฐานที่ทุกประเทศทั่วโลกต้องมีต้องใช้ และจากความต้องการที่มากมายมหาศาล ตลาดนี้จึงมีศักยภาพที่จะเติบโตอีกมาก

ATK ตลาดใหม่มาแรง

“ดร.วรรณี ฉินศิริกุล” ผู้อำนวยการศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ผู้วิจัยและคิดค้น ATK สัญชาติไทย “NanoCOVID-19 Antigen Rapid Test” เปิดเผยว่า จากข้อมูลของ Research and Markets บริษัทด้านการวิจัยตลาดระบุว่า ปัจจุบันมูลค่าตลาดรวมของชุดตรวจแบบรวดเร็ว หรือ Rapid Test Kit ทั่วโลก มีตัวเลขอยู่ที่ประมาณ 23,440 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะเติบโตในอัตรา 8.14% อย่างต่อเนื่องนาน 10 ปีจากนี้ไป

โดยการระบาดของโควิด-19 ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ความต้องการของชุดตรวจแบบรวดเร็วนี้เพิ่มสูงขึ้น และความตื่นตัวและควาต้องการในการตรวจคัดกรองด้วยตนเองที่เพิ่มมากขึ้น จะเป็นปัจจัยที่หนุนให้ตลาดชุดตรวจนี้เติบโตขึ้นในช่วง 2-3 ปีจากนี้ไป

สำหรับประเทศไทยจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลให้ความต้องการและการใช้ชุดตรวจ ATK มีมากขึ้นตามแนวโน้มของตลาดโลก นอกจากการใช้เพื่อคัดกรองงานของระบบสาธารณสุข อีกด้านหนึ่ง ATK ก็จะเป็นตัวช่วยในแง่ของเศรษฐกิจ ที่บรรดาผู้ประกอบการ ธุรกิจการค้า รวมถึงสถานที่ต่าง ๆ ต้องใช้ชุดตรวจคัดกรองนี้เพื่อจัดกิจกรรม สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้เข้าร่วม และลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อ

ปัจจุบันนอกจากการนำเข้าแล้ว ก็ยังมีหลาย ๆ หน่วยงานทั้งมหาวิทยาลัย หน่วยงานวิจัยและพัฒนาของไทย ก็ได้มีการวิจัยและพัฒนาชุดตรวจนี้ขึ้นมาเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับชุดตรวจ “นาโนโควิด-19” ของศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ สวทช. ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อรองรับความต้องการของตลาด

ดีมานด์พุ่ง-แข่งราคาแย่งตลาด

“ศิริญา เทพเจริญ” กรรมการบริหาร บริษัท เวิลด์ เมดิคอล อัลไลแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายชุดตรวจ ATK ยี่ห้อ LEPU, ALPINE และ Colloidal Gold กล่าวในเรื่องนี้ว่า ตลาดชุดตรวจ ATK ในเมืองไทยถือเป็นบลูโอเชียนที่มีโอกาสสูงและมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมาก

ส่วนหนึ่งสะท้อนจากตัวเลขนำเข้า ATK ที่ปัจจุบันมีมากกว่า 190 ยี่ห้อ จากหลากหลายประเทศ ขณะที่ฟากผู้บริโภคทั้งในแง่ประชาชนทั่วไป และบริษัท ห้างร้าน องค์กรต่าง ๆ ที่มีความต้องการใช้ ATK สูงขึ้น เพื่อการคัดกรองโควิด-19 ในที่ทำงาน งานประชุมสัมมนา โรงงาน เพื่อสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัย

ล่าสุดการแพร่ระบาดของโอมิครอนที่เพิ่มขึ้นในอัตราเร่ง ทำให้ความต้องการมีมากขึ้น และทำให้สินค้าขาดตลาดระยะหนึ่ง อย่างไรก็ตาม คาดว่าภาพสถานการณ์การขาดตลาดจะมีแนวโน้มดีขึ้น สำหรับเวิลด์ เมดิคอลฯมีแผนจะนำเข้าชุดตรวจ ATK เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับดีมานด์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกราวเดือนละ 5-6 ล้านชิ้น และอาจมีการขยายจำนวนการนำเข้าเพิ่มอีกเพื่อต่อรองราคาให้ถูกลงกว่าเดิม จากปัจจุบันขายปลีกอยู่ที่ 49 บาท/ชิ้น

“ATK จะยังเป็นสินค้าจำเป็นไปอีกอย่างน้อย 1-2 ปี เวิลด์ เมดิคอลฯจึงมีแผนจะเพิ่มเครือข่ายสินค้าไปสู่ร้านขายยามากขึ้น ควบคู่กับการขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์แอปพลิเคชั่นหมอฮัลโหล (Morhello) จากเดิมเน้นกระจายไปตามหน่วยงานรัฐ และเชื่อว่าการแข่งขันของตลาดจะมีดีกรีความร้อนแรงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง”

“ดร.วิโรจน์ วสุศุทธิกุลกานต์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซนต์เมด จำกัด (มหาชน) หรือ SMD ผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย ATK ยี่ห้อ Collaoidal Gold คาดการณ์ว่าในไตรมาส 1/2565 จำนวนการใช้ชุดตรวจ ATK จะสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ บริษัทมีแผนจะเร่งขยายช่องทางจัดจำหน่ายเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นไปที่โรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งคลินิกและเทคนิคการแพทย์, ร้านสะดวกซื้อ, ตัวแทนจำหน่าย และตัวแทนจำหน่ายช่วง รวมถึงโรงงาน สถานศึกษา บริษัท ห้างร้าน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกระดับ

คาดมูลค่าตลาดทะลุ 3.5 พันล้าน

“ดนัย ประพันธ์สันติ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอฟฟิโนม จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย ATK สัญชาติไทยยี่ห้อแอฟฟิโนม (AFFINOME) ได้คาดการณ์ถึงมูลค่าตลาดรวมชุดตรวจ ATK ในปีนี้ว่า ตัวเลขมูลค่าตลาดรวมอาจจะอยู่ที่ประมาณ 3,000-3,500 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขนี้อาจลดลงจากปี 2564 เล็กน้อย แม้แนวโน้มการใช้ชุดตรวจจะมีเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เนื่องจากตลาดมีการแข่งขันเรื่องราคามากขึ้นจากการที่มีผู้ประกอบการในตลาดเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะการนำเข้าสินค้าจากประเทศจีน และถือเป็นความท้าทายของผู้ผลิต ATK สัญชาติไทย

อย่างไรก็ตาม การที่ ATK สัญชาติไทยจะสามารถแข่งขันในตลาดได้ต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ เนื่องจากกำลังการผลิตแต่ละลอตมีจำนวนน้อยกว่า ราคาจึงสูงกว่า ATK จากต่างประเทศที่มีความได้เปรียบในเรื่องของการผลิตที่ผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก ทำให้ต้นทุนถูกกว่าชุดตรวจที่ผลิตในประเทศ

หากรัฐบาลช่วยในเรื่องนี้จะส่งผลดีต่อประเทศในแง่ของการมีสินค้าของตนเอง ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการพึ่งพิงสินค้าจากต่างประเทศ และยังช่วยสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนในประเทศได้ในซัพพลายเชนที่เกี่ยวข้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากการใช้ชุดตรวจ ATK ของประชาชนทั่ว ๆ ไปดังกล่าวแล้ว อีกด้านหนึ่งพบว่าการเข้ามามีบทบาทของ ATK ในชีวิตประจำวันและการดำเนินธุรกิจทำให้เกิดบริการใหม่ ธุรกิจใหม่ สะท้อนจากการที่มีความเคลื่อนไหวของโรงพยาบาลเอกชน-คลินิก คลินิกความงามหลาย ๆ แห่งที่หันมาเปิดบริการรับตรวจโควิด-19 ด้วยการตรวจด้วย ATK และ RT-PCR ทั้งรูปแบบไดรฟ์ทรูและนอกสถานที่ (สำหรับบริษัทห้างร้านต่าง ๆ) พร้อมออกใบรับรองการตรวจ

ตราบใดที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย ชุดตรวจ ATK ก็จะยังเป็นเครื่องมือที่จำเป็นต้องมีต้องใช้ และมีดีมานด์เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ตลาดนี้น่าจะมีความคึกคักไปอีกหลายปี