ปิดร้านอาหาร-ตลาดนัด-ต้นทุนพุ่ง กระทบตลาดผงปรุงรสอ่วม โฟร์ฟูดส์ เล็งปรับราคาบางรายการ 2% หลังแบกต้นทุนอ่วม พร้อมปรับกลยุทธ์ลุยขายออนไลน์ ปูพรมเจาะลูกค้า WFH ในบ้านมากขึ้น พร้อมเปิดตัวน้องใหม่ “กู้ด อะเดย์” ผงปรุงรสพรีเมี่ยมเจาะคนรักสุขภาพ ก่อนต่อยอดรสชาติใหม่เพิ่ม 2 รายการในปีนี้ มั่นใจดันยอดโต 10% ในสิ้นปี 2565
นายสมเจตน์ ปัญจวัฒนางกูร กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฟร์ฟูดส์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แบรนด์ไทเชฟ, กู้ดอะเดย์ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จากการระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ยูโอบี ย้ำลูกค้าบัตรเครดิตซิตี้ ยังใช้งานได้ปกติ แจงสิ่งควรรู้หลังโอนพอร์ต
พบว่าส่งผลกระทบต่อภาพรวมธุรกิจเครื่องปรุงรสและผงปรุงมากพอสมควร โดยเฉพาะในกลุ่มแบรนด์ที่เน้นจำหน่ายให้แก่ผู้ประกอบการร้านค้าต่าง ๆ ได้รับผลกระทบตามไปด้วย
โดยในส่วนของโฟร์ ฟูดส์ ส่วนใหญ่ 90% จำหน่ายเพื่อเป็นวัตถุดิบในโรงงานอุตสาหกรรม ทั้งโรงงานไส้กรอก ลูกชิ้นขนมขบเคี้ยวต่าง ๆ และแบรนด์ไทเชฟ (ผงโรยปรุงรสต่าง ๆ) รวมไปถึงผู้ประกอบการ
หรือตลาดสดเป็นส่วนใหญ่กลุ่มพ่อค้า แม่ค้า และลูกค้าทั่วไป ซึ่งจากการสั่งปิดโรงเรียน ปิดตลาดนัด ก็ส่งผลให้ไม่มีที่จำหน่ายสินค้าและหยุดขาย แน่นอนว่าย่อมได้รับผลกระทบจากการสั่งปิดตลาดสดหลายแห่ง
รวมไปถึงร้านอาหาร ผู้ประกอบการโรงงานต่าง ๆ ที่ต้องปิดทำการหรือทำตลาดไม่ได้เต็ม 100% ทำให้บริษัทต้องมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การขายทั้งในส่วนของผลิตภัณฑ์และการหันไปเจาะกลุ่มผู้ใช้ทั่วไป ผ่านช่องทางไลน์มากขึ้น
โดยในส่วนของแบรนด์ผงปรุง-ผงเขย่าไทเชฟ จะเน้นการผลิตสินค้าที่เน้นเจาะช่องทางออนไลน์มากขึ้น เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นลูกค้าทั่วไป จากเดิมที่ฐานลูกค้าหลักของแบรนด์เป็นกลุ่มผู้ประกอบการ โรงงาน
และพ่อค้าแม่ค้า ควบคู่กับการสื่อสารแบรนด์ไปยังกลุ่มลูกค้าทั่วไป ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เพื่อให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้นเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้รับประทานในบ้านโดยตรง
“กระแส WFH ทำให้คนอยู่บ้านมากขึ้น และหันมาปรุงอาหารรับประทานเอง โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องใช้เครื่องปรุงรสต่าง ๆ เช่นเดียวกับร้านอาหาร ดังนั้นจึงเป็นโอกาสอันดีในการขยายเข้าไปเจาะกลุ่มดังกล่าวของทางแบรนด์
ซึ่งการเจาะลูกค้าทั่วไปจะเน้นการขายผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก โดยปีที่ผ่านมาแม้ยอดขายจากกลุ่มลูกค้าที่เป็นพ่อค้าแม่ค้าจะลดลงมา 10-20% แต่กลุ่มผู้ใช้ทั่วไปตามบ้านเพิ่มเป็นเท่าตัว และยอดขายออนไลน์ปี 2564 เติบโตเพิ่มขึ้นเกือบ 200% และยังคงโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
ขณะที่ภาพรวมการแข่งขันในธุรกิจเครื่องปรุงรสปีนี้ ประเมินว่าน่าจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา หลังร้านอาหารสามารถเปิดให้บริการและมีการนั่งดื่มได้ พบว่ายอดขายของบริษัทเติบโตมากสุดในรอบ 20 ปี เติบโตขึ้น 25% (เทียบกับช่วงเดือนธันวาคม 2563)
ขณะที่แผนงานหลักในปี 2565 ก็ยังจะเน้นเจาะกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า และกลุ่มผู้ใช้ตามบ้านทั่วไปอย่างต่อเนื่อง ผ่านการสื่อสารแบรนด์ที่ครบวงจรมากขึ้น นอกจากนี้ยังได้เปิดตัวแบรนด์ใหม่ “กู้ด อะเดย์-GOOD A DAY” ผงปรุงรสสูตรพรีเมี่ยมเจาะกลุ่มคนรักสุขภาพ
ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Clean Food Good A Day สุขภาพดี อร่อยด้วย” ทั้ง 4 รสชาติ ประกอบด้วย 1.ผงปรุงรสเครื่องเทศรวม 2.ผงชีสสูตรเข้มข้นรสเชดดาร์ชีสแบบออริจินอล ที่ไม่ผสมสารปรุงแต่งใด ๆ 3.ผงปรุงรสบาร์บีคิว
และ 4.สารให้ความหวานอิริทริทอล เป็นสารให้ความหวานจากธรรมชาติ ทั้งหมดให้ความสำคัญกับการไม่ใส่วัตถุกันเสีย และไม่มีน้ำตาลและผงชูรสเป็นส่วนประกอบ ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์กลุ่มคนรักสุขภาพ
โดยในปีนี้เตรียมพัฒนาและต่อยอดรสชาติใหม่ ๆ อีกราว 2 รสชาติ ตามความต้องการของลูกค้า จำหน่ายในช่องทางออนไลน์เป็นหลัก ก่อนที่ในอนาคตจะขยายการทำตลาดเข้าไปในซูเปอร์มาร์เก็ตพรีเมี่ยมต่าง ๆ
“ลูกค้าทั่วไปบางรายยังไม่อยากใช้สินค้าของไทเชฟเท่าไร เนื่องจากมองว่าแบรนด์ยังอยู่ในตลาดระดับกลาง ขณะที่ลูกค้าหลายคนให้ความสำคัญกับความเป็นสินค้าที่ดีต่อสุขภาพ ดังนั้นจึงเกิดเป็นแบรนด์ GOOD A DAY ที่เน้นเจาะตลาดพรีเมี่ยมสำหรับคนที่รักสุขภาพมากขึ้น”
ขณะที่ในส่วนของแบรนด์ไทเชฟ ก็จะเปิดตัวรสชาติใหม่ ๆ ออกมารองรับตลาดตามความต้องการเช่นกัน โดยในอนาคตมีแผนแตกไลน์สินค้าใหม่ ที่เน้นเจาะกลุ่มช่องทางเบเกอรี่ เบื้องต้นขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้
อย่างไรก็ตาม สำหรับปัญหาต้นทุนขณะนี้บริษัทก็ยังไม่มีการปรับราคาสินค้าส่วนใหญ่ แต่บางรายการก็ต้องยอมรับว่าปรับขึ้นมาไม่เกิน 2% แม้ผู้ประกอบการหลายรายจะเริ่มทยอยปรับราคาบ้างแล้ว
หลังต้องแบกต้นทุนที่พุ่งกว่า 20% ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการบริหารจัดการภายใน ด้วยการสต๊อกวัตถุดิบในจำนวนมากขึ้น และการบริหารจัดการระบบโลจิสติกส์ ก็ทำให้ยังสามารถประคองสถานการณ์ได้
ทั้งนี้ บริษัทวางเป้าหมายยอดขายเติบโตในสิ้นปี 2565 ทั้งบริษัทไว้ที่ 10% จากปีที่ผ่านมา แบ่งเป็นยอดขายที่มาจากในประเทศ 90% และต่างประเทศ 10% โดยในส่วนของตลาดต่างประเทศ ปี 2564 ถือว่ายังสามารถเติบโตได้ดี แม้จะยังไม่ 100% เหมือนปี 2563 แต่ยังถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ เนื่องจากมีปัจจัยลบด้านโควิด-19 ที่กระทบต่อภาคการขนส่ง